MQDC มีความมุ่งมั่นในการสร้างความสุขให้ทุกชีวิตอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการทำงาน ‘For All Well-Being’ และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างในสังคม จึงทำให้มองเห็นโอกาสที่ The Forestias by MQDC (เดอะ ฟอเรสเทียส์) ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวคิดในการสร้างป่ากลางกรุงเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยใช้การสร้างป่าเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการช่วยเหลือ

โครงการ "Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต" จึงเกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือของมูลนิธิพุทธรักษาในการประสานงานกับชุมชน และได้รับการสนับสนุนจากกรมป่าไม้ในการแนะนำเครือข่ายชุมชนเพาะกล้าจำหน่าย ถือเป็นโครงการตัวอย่างที่จุดประกายความคิดเรื่องการขยายพื้นที่สีเขียวในประเทศไทย พร้อมกับสร้างความแข็งแกร่งและความผูกพันระหว่างชุมชนกับต้นไม้ บรรเทาปัญหาด้านเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงเพิ่มทักษะอาชีพเพาะกล้าไม้เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ให้ชุมชนในระยะยาวอย่างยั่งยืนอีกด้วย

‘Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต’ จะมอบกล้าไม้ให้ครอบครัวที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายตามที่กำหนดจากชุมชน เพื่อนำไปดูแลอนุบาลให้เติบโตขึ้น เป็นระยะเวลา 90 วันหรือ 3 เดือนโดยประมาณ โดยจะมอบเงินช่วยเหลือให้ 5,000 บาทต่อครอบครัว แบ่งจ่าย 3 งวด รวม 15,000 บาท

หลังจาก 3 เดือนกล้าไม้ที่ได้รับการดูแลจากชุมชนจะถูกนำไปแจกจ่ายให้กับหน่วยงานต่าง ๆ เช่นกองสาธารณะ กรุงเทพมหานคร สำหรับสร้างผังเมืองสีเขียวหรือนำไปร่วมโครงการแจกกล้าไม้คนเมือง และแจกจ่ายประชาชนทั่วไป อีกทั้งบางส่วนจะนำไปปลูกต่อภายในป่าที่โครงการ The Forestias เพื่อร่วมสร้างป่ากลางเมืองอย่างแท้จริง

สำหรับกล้าไม้พันธุ์ต่าง ๆ ที่นำมาให้ชุมชนได้ดูแลนั้น แบ่งเป็นพันธุ์ไม้ 2 ประเภท

1. ไม้ป่าไม้พุ่มซึ่งรวมถึงไม้มีค่าด้วยเช่น ไม้สัก มะค่าโมง ประดู่ป่า ตะเทียนทอง มะฮอกกานี ชิงชัน แคนา พะยูง

2. พืชสวนครัวที่ดูแลง่าย มีศัตรูพืชน้อย และมีคุณค่าทางโภชนาการ สามารถนำมาบริโภคในครัวเรือน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถนำไปจำหน่ายเพิ่มรายได้อีกด้วย

การเลือกพันธุ์ไม้เหล่านี้ถือว่าได้ประโยชน์ต่อสังคมอย่างยั่งยืน เพราะเป็นทั้งการพัฒนาทักษะอาชีพในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากเป็นไม้เศรษฐกิจที่จะมีมูลค่าสูงขึ้นและเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคต และมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอีกทางหนึ่ง

หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกชุมชนเข้าร่วมโครงการ คือ

1. ต้องเป็นชุมชนในบริเวณกรุงเทพและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง

2. ชุมชนจะต้องมีสมาชิกที่จะผ่านตามหลักเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 20 ครัวเรือน ซึ่งจะพิจารณาจากชุมชนที่เดือดร้อนที่สุดก่อน โดยจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด และไม่มีสมาชิกในครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการของรัฐบาล เพื่อเป็นการกระจายความช่วยเหลือให้ทั่วถึง

3. ครัวเรือนที่สมัครจะต้องมีพื้นที่เพื่อวางกล้าไม้อย่างน้อย 20 ตารางเมตร หรือถ้าชุมชนจะจัดหาที่ส่วนกลางเช่น วัด โรงเรียน ก็สามารถทาได้ โดยทางโครงการจะช่วยเหลือค่าน้าตามสมควรให้กลับที่สาธารณะที่ให้พื้นที่กับโครงการนี้

4. แต่ละครัวเรือนจะรับกล้าไม้ไปดูแล 1,200 ต้น โดย 1,000 ต้นจะเป็นกล้าไม้กลุ่มป่าไม้และไม้พุ่มรวมถึงไม้มีค่าต่างๆ และอีก 200 ต้นจะเป็นกลุ่มพืชสวนครัว

ทั้งนี้โครงการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,000 ครัวเรือน เพื่อดูแลต้นกล้า 1.2 ล้านต้น โดยแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสละ 6 แสนต้น ต่อ 500 ครัวเรือน