เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โอกาสเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่สื่อ Social มีอิทธิพลกับเราจนทำให้ต้องใช้สายตาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานๆ ทั้งคอนเทนต์วิดีโอ หรือแม้กระทั่งแชทคุยกับเพื่อนๆ แทบทุกวัน จนอาจทำให้ส่งผลเสียต่อสายตาได้ไวกว่าเดิม

มาดูกันว่า ภัยจากแสงสีฟ้า ต่อแก้วตาของวัยเรานั้นมีอะไรบ้าง? พร้อมวิธีดูแลง่ายๆ ด้วยความห่วงใยของ The Aspen Tree

“เพราะแสงสีฟ้า รบกวนนาฬิกาชีวิต”

โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีนาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm) ที่ควบคุมระบบของร่างกายให้เป็นปกติ เช่น อุณหภูมิ ฮอร์โมน โดยเฉพาะการหลับและตื่นของร่างกาย เป็นต้น

หากดวงตาเราได้รับสัมผัสกับแสงสีฟ้าเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะจากหน้าจอมือถือหรือแท็บเล็ต ที่เราชอบดูคอนเทนต์สนุกๆ ดูยูทูป หรือแชทไลน์คุยกับเพื่อนๆ เป็นประจำ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อนาฬิกาชีวิต เนื่องจากแสงสีฟ้าจะไปกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ทำให้นอนหลับยากมากขึ้น แถมตอนตื่นนอนก็รู้สึกไม่สดชื่น เหมือนพักผ่อนไม่เพียงพออยู่ตลอดเวลา

“เพราะแสงสีฟ้า ทำให้ดวงตาเมื่อยล้าและพร่ามัวได้”

ใครที่ยังทำงานและต้องจ้องอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นเวลานาน มีโอกาสเสี่ยงเป็น “Computer Vision Syndrome” ซึ่งจะมีอาการเมื่อยล้าดวงตา ระคายเคือง มีน้ำตา และอาจถึงขั้นพร่ามัวได้

สาเหตุจากคลื่นแสงสีฟ้ามีพลังงานสูง ส่งผลกระทบไปถึงเยื่อบุตาและเซลล์ผิวกระจกตา รวมถึงการสั่นกระพริบของหน้าจอ (สายตาคนปกติมองไม่เห็น) ทำให้ลูกตาทำงานหนักโดยที่เราไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้จึงเป็นอันตรายต่อสายตาเป็นอย่างมาก

“เพราะแสงสีฟ้า ทำลายสายตาได้ล้ำลึก”

เนื่องจากแสงสีฟ้ามีพลังงานสูงจนทำให้สามารถส่องเข้าดวงตาได้ตั้งแต่ กระจกตา เลนส์ตา และส่วนสำคัญที่อยู่ข้างในนั่นก็คือ จอตา แสงสีฟ้าอาจทำให้เกิดอันตรายต่อเซลล์รับแสงในจอตาได้ ซึ่งผลกระทบที่ตามมาก็คือการมองเห็นแย่ลง อันเป็นสาเหตุของโรคจอประสาทตาเสื่อมและอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับดวงตาตามมาได้มากมายอีกด้วย

“เพราะดวงตา คือหน้าต่างของใจ”

ดูแลดวงตาง่ายๆ ให้ถูกวิธีใน 4 ข้อเบื้องต้น

1. กฎ 20-20-20: ในทุก 20 นาที ให้ละสายตาจากหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์และมองไกลออกไปอย่างน้อย 20 ฟุต เป็นระยะเวลา 20 วินาที
2. ปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสม หรือหากอุปกรณ์เหล่านั้นมีฟิลเตอร์แสงสีฟ้า แนะนำให้เปิดใช้งาน โดยเฉพาะตอนเวลากลางคืนหรืออยู่ท่ามกลางในที่แสงน้อย
3. หลีกเลี่ยงลมพัดแรง ลมเป่า หรือแอร์ตกกระทบ เพื่อไม่ให้ตาแห้งหรือเกิดการเมื่อยล้า
4. ตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

เพราะวัยที่เข้าเลข 5 สุขภาพของดวงตายิ่งเริ่มถดถอย ควรเอาใจใส่ดวงตาให้มากขึ้น เพื่อถนอมหน้าต่างของหัวใจดวงนี้ให้มีสุขภาพดีไปนานๆ จะได้เห็นคนที่เรารักเติบโตได้อย่างชัดเจน

ที่มา

https://www.bangkokhospital.com/content/blue-light-increased-risk-of-eye-disease

https://tu.ac.th/thammasat-med-expert-talk-eyes-blue-light-hazard