ลงทะเบียน
CHAT
WITH US

การอยู่อาศัยร่วมกันในวัย 50+ แนวทางใหม่ในการรับมือกับความเครียดและปัญหาสุขภาพจิต

การอยู่อาศัยร่วมกันในวัย 50+ แนวทางใหม่ในการรับมือกับความเครียดและปัญหาสุขภาพจิต

เมื่ออายุมากขึ้น ช่วงชีวิตที่แตกต่างกันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านจิตสังคม และบทบาททางสังคมที่ลดลง เมื่อลูกหลานมีครอบครัว หรือมีความจำเป็นที่จะต้องย้ายที่อยู่อาศัยออกมา คู่สมรส และเพื่อนทยอยจากไป จึงทำให้ผู้สูงวัยบางรายอาจรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้อย่างมาก หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

จากข้อมูลของเบย์เครสต์ (Baycrest) ผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดา ความโดดเดี่ยวในกลุ่มผู้สูงวัย กำลังกลายเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขในประเทศแคนาดา ตามสถิติของแคนาดา ผู้สูงวัยมากกว่าหนึ่งล้านคน กล่าวถึงความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว ซึ่งความรู้สึกนั้นส่งผลต่ออารมณ์ สภาพจิตใจ การรับรู้ที่ลดลง (Cognitive function) และรวมถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ตามมา เช่น ภาวะสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า และอื่น ๆ

ภาวะสมองเสื่อมคือความท้าทายระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในด้านการดูแลสุขภาพและสังคมในศตวรรษที่ 21 ปัจจุบัน มีผู้คน 47 ล้านคนทั่วโลกต้องประสบกับปัญหานี้ และเราต้องพิจารณาปัจจัยบางประการ ที่มีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และค้นหาแนวทางแก้ไข เช่น ความโดดเดี่ยว

แนวคิดการอยู่อาศัยร่วมกัน (Co-housing) ในประเทศแคนาดา

ดร. Adriana Shall ผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติวิชาชีพ ด้านสังคมสงเคราะห์ของ Baycrest ได้กล่าวถึงแนวคิดเรื่องการอยู่ อาศัยร่วมกัน (Co-housing) ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ในกลุ่มผู้สูงวัยที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างอิสระ เพื่อเป็นทางออกในการรับมือกับความโดดเดี่ยว แนวคิดของการอยู่อาศัยร่วมกันนี้ ส่งผลดีต่อสภาวะทางการเงิน เพราะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังดีต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตด้วย

การอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่เป็นกระแสที่กำลังเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย ในเขตเกรทเทอร์โทรอนโต ประเทศ แคนาดา ซึ่งการอยู่ร่วมกันทำให้ผู้คนกลายเป็นสังคม โดยเฉพาะผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในครอบครัวกับคู่รักหรือลูกหลาน สำหรับ ผู้สูงวัยที่เคยอยู่กับครอบครัว แต่ปัจจุบันอยู่คนเดียว Co-housing อาจเป็นทางเลือกที่ดีในด้านสังคม เสริมสร้างมิตรภาพที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ รวมถึงสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุยเล่น ออกไปเดินเล่นข้างนอก หรือเล่นเกมส์ Co-housing จะช่วยให้ผู้สูงวัยรู้สึกว่ามีเพื่อนอยู่ด้วยกันเสมอ และเพิ่มความรู้สึกเชิงบวก

แนวคิดของ Co-housing นั้นให้ประโยชน์ที่มากกว่าคำว่าเพื่อนที่อยู่ร่วมกัน ผู้สูงวัยอาจต้องการความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน การอยู่ Co-housing จะสามารถทำให้เฉลี่ยค่าใช้จ่ายระหว่างกัน และใช้เงินได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น

เมื่ออยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มตั้งแต่สองถึงสามคนขึ้นไป พบว่าผู้สูงวัยมีสภาวะทางอารมณ์ดีขึ้น รู้สึกวิตกกังวลน้อยลง และมีการแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ทั้งนี้เมื่ออยู่ร่วมกันยังมีแนวโน้มที่จะทำกิจกรรมด้วยกันมากขึ้น เช่น การทำอาหารกินด้วยกันเป็นประจำ แทนที่จะทำอาหารเพียงบางมื้อ หรือนาน ๆ ครั้ง จึงสามารถช่วยในเรื่องของโภชนาการได้ไปในตัว และยังมีโอกาสในการมีส่วนร่วมทางสังคมได้อีกครั้ง

ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมบำบัดและสันทนาการบำบัดของ Baycrest ยังกล่าวอีกว่า การอยู่คนเดียวสามารถเพิ่มความเสี่ยง ต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ แต่ถ้ามีเพื่อนอยู่รอบข้างก็จะลดการเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ เพราะมีการช่วยเหลือ หรือสามารถขอความช่วยเหลือได้ทันทีจากคนในบ้าน

นอกจากการลดความโดดเดี่ยวด้วยการอยู่ร่วมกันแล้ว การทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ มีความสำคัญสำหรับผู้สูงวัยทุกคน เพราะสามารถทำให้เกิดความหมาย และจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตได้อีกครั้งไปพร้อม ๆ การพัฒนามิตรภาพใหม่ ๆ และการสนับสนุนกันและกันในระยะบั้นปลายของชีวิต

แนะนำวิธีการสร้างความสัมพันธ์และสังคมที่ดีต่อใจในวัย 50+

  • หางานอดิเรกหรือสิ่งที่ทำให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกตื่นตัว
  • เรียนรู้ทักษะหรือภาษาใหม่ ๆ
  • เข้าร่วมคลาสออกกำลังกาย เช่น โยคะ หรือ ไทเก็ก
  • เข้าร่วมโครงการอาสาสมัครหรือกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ
  • สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในสถานที่ที่ไปเป็นประจำ
  • สนทนาพูดคุยกับเพื่อนบ้าน
  • รับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง
  • พิจารณาในการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงที่บ้าน

ทั้งนี้ หากไม่ได้ขับรถยนต์ส่วนตัว หรือไม่สามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะได้ ต้องมีการเตรียมยานพาหนะที่มั่นใจว่าปลอดภัยสำหรับคุณหรือคนที่คุณรักด้วย ซึ่งแนวทางหนึ่งอาจขอให้ญาติ หรือเพื่อนช่วยขับรถให้

The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest สังคมที่คำนึงถึงชีวิต ความเป็นอยู่ และสุขภาพของวัยอิสระ

The Aspen Tree The Forestias ตั้งใจมอบประสบการณ์ด้านการอยู่อาศัยให้วัย 50+ อย่างดีที่สุด ทั้งการดูแลสุขภาพกายใจ รวมทั้งความสัมพันธ์ทางสังคม ให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ส่งเสริมให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบที่คุณเลือกได้ในทุกด้านอย่างไร้กังวล

และทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการให้คุณ ได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ

พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพและชะลอการเกิด ภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม

ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree

โทร. 1265

LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

http://baycrest.uberflip.com/baycrest/baycrest-brainmatters-spring-summer-2019

PUBLISHED : 2 ปีที่แล้ว

facebook twitter line

RELATE ARTICLES

MQDC
การยืนยัน