Walter Mayer (หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการของเบย์เครสต์ ผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดา) รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีความหมาย หลังจากได้เกษียณอายุจากการเป็นสถาปนิก และนักเขียนคอลัมม์พิเศษที่ประสบความสำเร็จ
เขาค้นพบกิจกรรมที่มีความสร้างสรรค์ และกลุ่มผู้ที่มีความสนใจคล้ายกันจากกลุ่ม Soul Food Poetry ทุก ๆ อาทิตย์ เขาจะเดินทางจากบ้านมาที่เบย์เครสต์ เพื่อสนทนาเกี่ยวกับงานของนักเขียนชื่อดัง หรืออภิปรายบทกลอนที่คนในกลุ่มเขียนขึ้น
เนื่องจาก Walther เติบโตในนครเซี่ยงไฮ้ จึงได้เรียนรู้หลากหลายภาษาที่นั่น เขาจึงชอบที่สมาชิกบางคนในกลุ่มมีความรู้เรื่องภาษาลาติน และสามารถแปลใจความที่คลุมเครือของนักเขียนบางคนออกได้ “ผมไม่เคยได้มีส่วนร่วมในกลุ่มที่สมาชิกมีพรสวรรค์ เป็นมิตร อบอุ่น และมีการศึกษาที่ดีแบบนี้มาก่อน” Walter กล่าว
ความสำคัญของการมีส่วนร่วมทางสังคม
แต่เมื่อ Walter เข้าร่วมโครงการ เขาได้คำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างคือ การมีส่วนร่วมทางสังคม ซึ่งดร. Anderson นักวิทยาศาสตร์อาวุโส และนักประสาทวิทยาคลินิกที่เบย์เครสต์ กล่าวว่า บุคคลที่มีส่วนร่วมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะความรู้คิดถดถอย และความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมน้อยกว่า
รวมถึงระดับคุณภาพของการมีส่วนร่วมทางสังคมก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน จากการสังเกตคนไข้ที่ Sam and Ida Ross Memory Clinic ดร. Anderson พบว่าการเข้าร่วมสังคมจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อ เรารู้สึกได้รับการสนับสนุนจากผู้คนในสังคม “การรู้จักผู้คนมากมายไม่ได้ช่วยอะไร หากเราไม่ได้รู้สึกถึงความเชื่อมโยงกับพวกเขาอย่างแท้จริง” นอกจากนี้ ลักษณะการมีส่วนร่วมทางสังคมในช่วงวัยรุ่น จนถึงวัยกลางคนของคุณยังสามารถช่วยทำนายสุขภาพสมอง และความรู้คิดเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วย
“การมีส่วนร่วมทางสังคมนั้นสำคัญในทุกวัย แต่การสร้างเครือข่ายทางสังคมนั้น น่าจะง่ายกว่าเมื่อเกิดขึ้นก่อนช่วงเกษียณ เพราะเราสามารถพบปะผู้คนผ่านการทำงาน หรือที่โรงเรียนได้มากกว่า” กล่าวโดย ดร. Anderson
คนที่มีส่วนรวมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มจะเกิดภาวะความรู้ถดถอย และความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมน้อยกว่า
การเข้าร่วมสังคม ทางออกของความเหงาป้องกันซึมเศร้า
ปัจจุบันเราใช้เวลาส่วนมากกับกิจกรรมออนไลน์หรือ การดูซีรีส์โปรดแบบมาราธอน และอาจจะไม่ได้พบปะกับเพื่อนนอกจอบ่อยนัก การศึกษาประชากรในกลุ่มอายุ 18-29 ปีในสหรัฐอเมริกาพบว่า ยิ่งผู้คนรู้สึกเหงา หรือซึมเศร้าเท่าใด ก็จะยิ่งมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาดูทีวี ซีรีส์โปรด เพื่อหลีกหนีความรู้สึกแย่ ๆ มากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับผู้สูงวัยในอนาคต
Renee Climans นักสังคมสงเคราะห์ของเบย์เครสต์ กล่าวว่า แม้แต่ผู้สูงวัยในปัจจุบัน ที่มีการติดต่อขอความช่วยเหลือ และคำแนะนำอย่างเป็นประจำ ยังเผชิญกับความรู้สึกเหงา “สำหรับคนที่รู้สึกโดดเดี่ยวในบางกลุ่ม การได้มีโอกาสเข้าสังคมกับคนอื่น มีประโยชน์เทียบเท่ากับการใช้ยารักษาเลยทีเดียว”
Renee ยังช่วยสมาชิกของครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม หรือมีภาวะรู้คิดถดถอยแบบไม่รุนแรง ให้เข้าถึงกลุ่มการปรึกษาเชิงจิตวิทยา และพบว่าพวกเขาสร้างความสัมพันธ์อันดี และมีปฏิสัมพันธ์กันนอกเหนือเวลาของกลุ่มการปรึกษา และเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากกิจกรรมแบบกลุ่มได้จบลงแล้ว สมาชิกยังได้มีการติดต่อกันทางออนไลน์ หรือ พบปะกันเป็นการส่วนตัวที่บ้าน ร้านกาแฟ หรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเล่าสู่กันฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวของแต่ละคน
ดร. Anderson กล่าวอีกว่า ข้อดีของการมีส่วนร่วมทางสังคม คือเราสามารถเลือกกลุ่มหรือกิจกรรมที่เราสนใจได้ “คุณไม่ต้องยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้สมองได้รับประโยชน์ คุณสามารถเลือกกิจกรรมให้ผสมผสานตามความต้องการของตัวเองได้”
การเพิ่มขึ้นของผู้ที่อยู่อาศัยคนเดียว
ข้อมูลของ Statistics Canada ชี้ว่าจากปี ค.ศ. 2006 ถึง 2011 จำนวนบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียวเพิ่มขึ้น 10.4 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 3.6 ล้านครัวเรือน และจำนวนของพ่อ หรือแม่เลี้ยงเดี่ยวเพิ่มขึ้น 7.8 เปอร์เซ็นต์
ของขวัญแก่ผู้อื่น และตัวคุณเอง
การทำงานอาสาสมัครเป็นทางหนึ่งที่ช่วยทำให้เรารู้สึกถึงการเข้าสังคม ดร. Anderson ทำงานวิจัยเชิงคุณภาพและการทบทวนวรรณกรรมกว่า 74 เรื่อง และพบว่า การทำงานอาสาสมัครช่วยลดภาวะซึมเศร้า ทำให้รู้สึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดี ส่งผลต่อสุขกาพกายที่แข็งแรงขึ้น ลดข้อจำกัดในการทำงาน และส่งผลต่อชีวิตที่ยืนยาวกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ทำงานอาสาสมัคร
ทางเลือกเพื่อโอกาสการเข้าสังคม
- สมัครเข้าคลาสต่าง ๆ
- ลงเรียนภาษาแบบกลุ่ม
- ทำงานอาสาสมัคร
- เข้ากลุ่มเสวนา กลุ่มอ่านหนังสือ หรือเรียนศิลปะ
- สมัครเข้าฟิตเนส
- เดินเล่นกับเพื่อน
- เข้าร่วมทีมกีฬา
- เล่นไพ่แบบต่าง ๆ หรือบอร์ดเกม
ความมั่นคงด้านสุขภาพ สร้างได้ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest เพราะเราใส่ใจสุขภาพของคุณรอบด้าน ให้ความสำคัญทุกมิติ
เบย์เครสต์ สนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพของวัยอิสระ เพราะการเข้าสังคมนั้นสำคัญต่อทุกช่วงวัย
การมีส่วนร่วมในสังคม ได้ทำกิจกรรมที่ชอบกับกลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนกัน เกิดการแบ่งปันจนเป็นความสัมพันธ์ที่มีความหมายนั้น เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสื่อมของสุขภาพกายใจของวัย 50+ ได้ไม่แพ้การใช้ยารักษา กิจกรรมแบบกลุ่ม เช่น การทำงานอาสาสมัคร เรียนภาษา อ่านหนัง หรือแม้กระทั่งการเดินเล่นกับเพื่อน ๆ ช่วยให้ทุกวันของวัยอิสระเป็นวันแห่งความสุขและการส่งเสริมสุขภาพที่ดีไปพร้อม ๆ กัน
ความรู้พื้นฐานด้านการเงินและการจัดการเงินเป็นอีกทักษะที่ช่วยให้วัยอิสระได้ใช้ชีวิตดั่งใจไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ กิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งโภชนาการที่ตอบโจทย์วัย 50+ พร้อมทั้งประกันสุขภาพวงเงินสูงสุด 40 ล้านบาท จนถึงอายุ 99 ปี* เพื่อให้ทุก ๆ วันมีความสุขได้มากกว่า และพร้อมเพื่อการใช้ชีวิตในวันข้างหน้าอย่างไร้กังวล
ทั้งหมดนี้คือแนวคิดของ The Aspen Tree The Forestias ที่ได้ออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง เบย์เครสต์ ในการเติมเต็มทุกความต้องการ ให้คุณได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการ ด้านสุขภาพและการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพ และชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://baycrest.uberflip.com/i/799803-brain-matters-magazine-spring-2017/5?