ไม่ว่าเราจะมีอายุเท่าไหร่ เพศอะไร หรือมีครอบครัวแบบไหน เราทุกคนต่างต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตอยู่ตลอดเวลา เราอาจรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ท่วมท้นล้นมือ หรือรู้สึกว่าลำบากเหลือเกินกับการหางานทำ เราอาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ต่อสู้กับโรคต่าง ๆ หรือพบปะกับความเศร้าเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักไป ซึ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาและความเครียดที่เข้ามาในชีวิตได้ การเรียนรู้วิธีการรับมือกับปัญหาเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับใครหลายคน อาจเลือกวิธีการรับมือโดยการปฏิบัติธรรมเพื่อดูแลจิตใจ ซึ่งอาจช่วยให้เรามีความสุข จิตใจสงบ และมีสุขภาพที่ดีกว่าเดิม
ทั้งนี้ มีผลงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นถึงผลเชิงบวกต่อสุขภาพ จากการดูแลจิตใจ ยกตัวอย่าง เช่น ในการศึกษาของเบย์เครส (Baycrest) ผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดา ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถส่งผลต่ออาการของโรคอัลไซเมอร์ที่ดีขึ้นได้
การหมั่นดูแลจิตใจให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข สามารถส่งผลต่อสุขภาพสมองในเชิงบวก
Rabbi Dr. Geoffrey Haber ผู้อำนวยการฝ่ายการดูแลสุขภาพจิตแห่งเบย์เครส กล่าวว่า "จิตจะคอยแสวงหาความหมายของชีวิต เป้าหมายชีวิต และการเติมเต็มชีวิต ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะหมายถึงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา"
การปฏิบัติธรรมเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราได้สัมผัสกับสิ่งที่ว่านี้ แต่การดูแลจิตใจเป็นแนวคิดที่ใหญ่กว่านั้น เมื่อเราได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมอะไรสักอย่างหรืองานอดิเรกที่ทำให้เรารู้สึกห่างจากความวุ่นวาย มีความอิ่มเอมใจ หรือการมีสมาธิจดจ่อ เราถึงสัมผัสได้ว่าสิ่งเหล่านั้นเชื่อมโยงกับสุขภาพจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือธรรมะ ไปจนถึงการแสดงออกถึงตัวตนผ่านงานศิลปะหรือการทำอาหาร
สำหรับการค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพจิตใจกับโรคอัลไซเมอร์นั้น เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีงานวิจัยที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างสถาบันวิจัยเบย์เครส และสถาบันวิจัยของประเทศอาร์เจนตินา ได้แก่ สถาบัน Fleni (เมืองบัวโนสไอเรส) สถาบันวิจัยเอกชน Kremer (เมืองกอร์โดบา) และที่ปรึกษาหลาย ๆ แห่ง (เมืองมาร์เดลปลาตา) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ทดสอบผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือมีสติปัญญาบกพร่องในระยะเริ่มต้น (ระยะก่อนเป็นโรคอัลไซเมอร์) และได้สำรวจว่าสุขภาพจิตใจของแต่ละคนนั้นส่งผลต่อทักษะในการคิดและการจดจำที่แย่ลงหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็ได้ตรวจสอบพัฒนาการของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้วยเช่นกัน
Dr. Priscila Elliott นักประสาทวิทยาจากสถาบันวิจัยเอกชน Kremer ในประเทศอาร์เจนติน่าซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำของงานวิจัยได้กล่าวว่า “การปฏิบัติธรรมและการดูแลจิตใจอาจส่งผลที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะในเชิงสรีรวิทยา จิตวิทยา สังคมวิทยา และเทววิทยา (วิชาว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับศาสนา) ซึ่งการศึกษานี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เมื่อเราให้คำแนะนำแก่ผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์และผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมในรูปแบบอื่น ๆ
สำหรับผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ การดูแลจิตใจให้ผ่อนคลายเป็นหนทางที่จะทำให้รู้สึกมีความสุขในแต่ละวัน เช่น เมื่อพวกเขาวาดภาพระบายสี ปั้นดินเหนียว หรือฟังเพลงที่พวกเขารู้จักในสมัยเด็ก จะส่งผลให้ความสุขที่เกิดขึ้นอยู่กับพวกเขาไปตลอดทั้งวัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม
Rabbi Haber กล่าวว่า “เมื่อรู้ข่าวว่าบุคคลที่รักมีสุขภาพไม่ดีนัก การปฏิบัติธรรมและการดูแลจิตใจจะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกสบายใจขึ้นได้ รวมทั้งช่วยให้พวกเขาได้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อช่วยให้พวกเขาเริ่มต้นใหม่ในแต่ละวันด้วยความรู้สึกดี ๆ และมีความหวัง” ทั้งนี้ อาจยังไม่พูดถึงความท้าทายต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญ รวมทั้งภาวะความจำต่าง ๆ ที่เราทุกคนน่าจะได้ประโยชน์หากรู้จักวิธีการดูแลจิตใจที่ดี
ตัวอย่างวิธีดูแลสุขภาพจิตใจให้มีความสุขในทุก ๆ วัน
- เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับประเพณี ความเชื่อ
- เรียนรู้การสร้างและรักษามิตรภาพที่ดี
- เข้าร่วมงานบุญ และกิจกรรมทางศาสนาอื่น ๆ
- ให้เวลาตัวเองได้มีความสุขกับธรรมชาติ
- ออกเดินทางไปแสวงบุญและพักผ่อน
- แสดงออกซึ่งความรัก
- ทำสมาธิ ทบทวนสิ่งต่าง ๆ หรือสวดมนต์
- ทำงานอดิเรกที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น วาดรูป ปั้นดินเหนียว ทำอาหาร จัดสวน เป็นต้น
- อ่านหนังสือธรรมะ
- ฟังเพลง ร้องเพลง ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย
- เข้าร่วมทีมกีฬาหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและสร้างความไว้วางใจ
ดูแลจิตใจให้ผ่อนคลายและมีความสุขในช่วงชีวิต 50+ แบบครบวงจร ที่ The Aspen Tree The Foreatias Operated by Baycrest
การดูแลสุขภาพจิตใจให้ผ่องใส ไร้กังวลในวัย 50+ นั้นมีประโยชน์มากกว่าที่คิด เพราะจิตใจที่ปลอดโปร่งส่งผลให้สุขภาพกายและสมองแข็งแรงตามไปด้วย ห่างทั้งจากโรคอัลไซเมอร์และภาวะความจำเสื่อม การได้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม สะดวกสบาย จะช่วยให้รู้สึกสบายใจ ส่งเสริมให้วัยอิสระมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มีความหมาย ปราศจากความกังวล ทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพและชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://baycrest.uberflip.com/baycrest/brainmatters-spring-summer-2020