ความเหงาเป็นปัญหาที่เป็นเสมือนโรคระบาดที่แอบซ่อนตัวอยู่ ความโดดเดี่ยวนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งกายและใจของชาวแคนาดาในทุกกลุ่มเพศและอายุ ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์มุ่งที่จะวินิจฉัยและให้การรักษาโรค พวกเขายังมีหน้าที่สังเกตและทำความเข้าใจลักษณะทางสังคมและอารมณ์ของผู้ป่วยด้วย หากพบปัญหาความโดดเดี่ยวหรือความเหงา พวกเขาจะสามารถใช้ข้อมูลนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผลการรักษาออกมาดีกว่าเดิม และยังช่วยป้องกันโรคที่อาจจะเกิดตามมาได้

ความโดดเดี่ยวนี้เป็นมากกว่าความรู้สึกชั่วครู่หรือชั่วขณะ มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเราเห็นว่าความสัมพันธ์ทางสังคมของเราที่มีนั้นด้อยกว่าที่เราอยากให้เป็น การศึกษาจำนวนมากเชื่อมโยงความโดดเดี่ยวกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อโรคซึมเศร้า ความวิตกกังวล การรับรู้ที่ลดลง โรคหัวใจ ความดันสูง โรคอ้วน และแม้แต่การจากไปก่อนวัยอันควร ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากความโดดเดี่ยวและการแยกตัวจากสังคมมีมากพอ ๆ กับการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน หรือจากโรคพิษสุรา ที่สำคัญไม่แพ้กัน ความโดดเดี่ยวนั้นกัดกร่อนจิตใจและทำให้คนที่อยู่ในภาวะนี้ขาดจุดมุ่งหมายในชีวิต ลดความนับถือตนเอง และมีความสามารถที่ดำเนินไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพได้น้อยลง

แม้ว่าความโดดเดี่ยวและการแยกตัวออกจากสังคมจะไม่ค่อยถูกบันทึกไว้บนมรณะบัตร แต่ปัจจัยทั้งสองนี้อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงกว่าที่ควรเป็นในช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 นอกเหนือจากการตรวจรักษาตามปกติแล้ว แพทย์ควรได้รับการฝึกฝนและสนับสนุนสิ่งจำเป็นเพิ่มเติมเพื่อที่จะสามารถคัดกรองและยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะเหล่านี้ได้ทันท่วงที บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารงานวิจัยทางการแพทย์ไม่นานมานี้รายงาน

ความโดดเดี่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนน่าเป็นห่วง

หลาย ๆ ประเทศเริ่มตระหนักถึงผลของความโดดเดี่ยวในทางที่ต่างกันออกไป รัฐบาลอังกฤษได้มีการแต่งตั้งกระทรวงความโดดเดี่ยวขึ้นในปี 2561หลังจากที่มีการรณรงค์ต้านความโดดเดี่ยวตั้งแต่ปี 2554 และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2566 ศัลยแพทย์ใหญ่จากสหรัฐได้เผยแพร่บทความเรียกร้องให้มียุทธศาสตร์ชาติเพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงทางสังคม หนึ่งในการดำเนินการของยุทธศาสตร์นี้คือการมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ Canadian Coalition for Seniors’ Mental Health (CCSMH) กำลังร่างแนวทางการปฏิบัติทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านความโดดเดี่ยวในผู้สูงวัยหรือวัยอิสระ ดร. เดวิด คอนน์ รองประธานกรรมการบริหารวิทยาลัยเพื่อการวิจัยและการศึกษาของเบย์เครสต์ (Baycrest) ผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดา (The Baycrest Academy for Research and Education) กล่าว

แม้ว่าความโดดเดี่ยวจะเกิดขึ้นกับผู้คนได้ทุกช่วงวัย แต่ความเสี่ยงอาจจะมีมากกว่าในคนสูงวัยหรือวัยอิสระ เพราะเป็นช่วงอายุที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น การเกษียณ การอยู่คนเดียว และร่างกายไม่กระฉับกระเฉงเหมือนก่อน 1 ใน 5 ของผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีในประเทศแคนาดายอบรับว่ารู้สึกขาดเพื่อน แต่อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้ไม่ได้มากับอายุที่เพิ่มขึ้นเสมอไป

การแก้ปัญหาอย่างตรงจุดส่งเสริมความเชื่อมโยงทางสังคม

ในการที่จะบรรเทาผลกระทบของการแยกตัวจากสังคม และความโดดเดี่ยวในกลุ่มผู้สูงวัยต้องมีวิธีการค่อนข้างครอบคลุมที่กลุ่มคนในวัยนี้จะมีส่วนร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ องค์กรในชุมชน และผู้ออกนโยบาย ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการแก้ปัญหาและรักษาที่มุ่งไปที่ทั้งสุขภาพกายและใจ เพิ่มความเชื่อมโยงทางสังคม และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

การสื่อสารระหว่างผู้สูงวัยหรือวัยอิสระกับแพทย์คือสิ่งสำคัญในการเริ่มบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะเป็นก้าวแรกสู่การรักษาที่แพทย์สามารถให้คำปรึกษา และการสนับสนุนและทรัพยากรอื่น ๆ ได้อย่างถูกต้อง

ผู้ให้บริการทางการแพทย์ก็เป็นหัวใจสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและป้องกันการเจ็บป่วยในอนาคต หากมีเวลาและทรัพยากรเพียงพอ วัยอิสระจะได้รับการสนับสนุนผ่านการแก้ปัญหาและรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม การคัดกรองด้วยการประเมินอย่างละเอียด ซึ่งจะสามารถสนับสนุนให้วัยอิสระเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อลดความโดดเดี่ยว หรือการแยกตัว ได้ตั้งแต่ตอนนี้และในอนาคต ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยที่อาจจะเกิดขึ้น

พัฒนาตนเองและดูแลสุขภาพรอบด้านอย่างมั่นใจและไร้กังวลในวัย 50+ ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest ห่วงใยและใส่ใจคุณตลอดชีวิตแบบครบวงจร

ก้าวเข้าสู่วัยอิสระด้วยไลฟ์สไตล์ที่มาพร้อมกับสุขภาพกายใจสดใส เต็มไปด้วยมิตรภาพที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest

การจะดูแลตนเองให้มีสุขภาพที่สดใสแข็งแรงสมวัย 50+ นั้นนอกจากจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพทั้งด้านร่างกาย สมอง จิตใจแล้วนั้น การได้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้วัยอิสระมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มีความหมาย ปราศจากความกังวล ทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ ให้คุณได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ

พื้นที่โครงการ The Aspen Tree ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพ และชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม

ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree

โทร. 1265

LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde

อ้างอิง
http://baycrest.uberflip.com/i/1512077-brainmatters-fall-winter-2023/19?