การฝึกสติและความทรงจำทำให้คุณมีชีวิตอิสระได้อย่างไร?
เพื่อลดความวิตกกังวล ลดความกดดัน และพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เราทุกคนคงคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่า “ให้อยู่กับปัจจุบัน” ซึ่งถือว่าเป็นคําแนะนําที่ดีมาก แต่การพยายามผลักความทรงจําที่ไม่ดีออกไปนั้นอาจจะไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป เพราะจริง ๆ แล้ว ไม่มีใครมีความสุขกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันเพียงอย่างเดียว บางครั้งการคิดถึงเรื่องปัจจุบันที่อาจจะทำให้รู้สึกทุกข์ใจ การคิดเรื่องเรื่องในอดีตที่มีความสุข อาจช่วยบรรเทาความทุกข์ใจนั้นได้
ความทรงจำจะถูกเก็บไว้ในส่วนเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ซึ่งเรียกว่า “ร่องรอย” (traces) เวลาที่เราเรียกคืนความทรงจำ ร่องรอยความทรงจำนั้นจะถูกกระตุ้นอีกครั้ง แล้วจัดเก็บอีกครั้งร่วมกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน กระบวนการนี้เรียกว่า การรวบรวมความทรงจำใหม่อีกครั้ง (reconsolidation) การคิดวนเวียน (rumination) จะเสริมสร้างความทรงจำเลวร้ายให้แกร่งขึ้นโดยการจับคู่มันกับแง่คิดลบ ยิ่งทำให้มันฝังลึกเข้าไปในสมอง ส่งผลให้มันมีอำนาจควบคุมเราได้มากขึ้น
ในทางกลับกัน เมื่อความทรงจำของเหตุการณ์ในอดีตถูกสังเกตโดยไม่มีการตัดสิน (non-judgmental) ความทรงจำเหล่านั้นจะสามารถผ่านกระบวนการรวบรวมความทรงจำใหม่อีกครั้ง (reconsolidation) และจัดเก็บได้โดยไม่ถูกประเมินว่าเป็นสิ่งเลวร้ายหรือดี เทคนิคนี้ช่วยให้มองเห็นความคิด ความรู้สึก และการรับรู้ต่าง ๆ ในบริบทที่กว้างขึ้น สร้างระยะห่างระหว่างตัวคุณกับเหตุการณ์นั้น ๆ ซึ่งวิธีนี้สามารถเยียวยาบาดแผลทางจิตใจและช่วยบรรเทาความคิดที่เป็นต้นตอของอาการซึมเศร้าได้
ยกระดับความสุขของชีวิตด้วยการฝึกสติและสมาธิ
การฝึกสมาธิแบบรู้ตัว (mindfulness meditation) ช่วยพัฒนาการมองประสบการณ์ต่าง ๆ ในอดีตด้วยสายตาที่ไม่ตัดสิน มีงานวิจัยมากมายที่น่าเชื่อถือและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าการฝึกสมาธิแบบรู้ตัวอย่างถูกวิธี สามารถรักษาภาวะได้ต่าง ๆ เช่น โรคซึมเศร้า และอาการปวดเรื้อรัง
คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าการฝึกสมาธิแบบรู้ตัว (mindfulness meditation) คือการ “กำจัดความคิดออกจากสมอง” ซึ่งความจริงแล้ว สมาธิแบบรู้ตัวนั้นแตกต่างจากการกำจัดความคิดออกจากสมองโดยสิ้นเชิง เราเพียงแค่ “สังเกต” สิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ ความรู้สึกทางกาย หรือความทรงจำ โดยไม่มีการตัดสิน การฝึกสมาธิแบบรู้ตัว ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้า อุปกรณ์ หรือเสียงดนตรีพิเศษ แต่มุ่งเน้นไปที่การยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าสภาพแวดล้อมขณะนั้นจะสมบูรณ์แบบหรือไม่ก็ตาม
วัย 50+ ใช้ชีวิตอย่างอิสระจากความทรงจำ พร้อมฝึกสติและสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest พร้อมดูแลคุณอย่างครบวงจร
The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest เข้าใจความปรารถนาอันลึกซึ้งของวัยอิสระ ที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีสติ และเปี่ยมไปด้วยความสุข ด้วยปรัชญาที่มุ่งเน้นการกลมกลืนกับธรรมชาติ เราออกแบบวิถีชีวิตที่ส่งเสริมการยอมรับความสุขและเข้าใจความทุกข์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่หล่อหลอมให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ
การจะดูแลตนเองให้มีสุขภาพที่สดใสแข็งแรงสมวัย 50+ นั้นนอกจากจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพทั้งด้านร่างกาย สมอง จิตใจแล้วนั้น การได้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้วัยอิสระมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มีความหมาย ปราศจากความกังวล ทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ ให้คุณได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพ และชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://baycrest.uberflip.com/i/616092-brain-matters-winter-2015-2016/6