วิตามินและแร่ธาตุเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างให้สุขภาพแข็งแรงและช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณที่ร่างกายต้องการนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ แต่ถ้าจะให้ดี เราควรรับประทานผัก ผลไม้ อาหารปรุงสดใหม่ อาหารที่ไม่แปรรูปหรือข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุที่มากขึ้น นับเป็นเรื่องยากที่เราจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างครบถ้วนในแต่ละวันจากการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ก็อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความอยากอาหารลดลง พฤติกรรมการรับประทานอาหาร หรือปัญหาสุขภาพที่ทำให้การดูดซึมอาหารยากขึ้น
ถึงแม้ว่าการรับประทานอาหารให้เพียงพอจะเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกวัย แต่วัย 50+ ควรใส่ใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับปริมาณวิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในอาหารแต่ละอย่าง เพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารที่เพียงพอ สำหรับไปบำรุงสุขภาพร่างกายและสุขภาพสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินบี 12 แคลเซียม วิตามินดี วิตามินอี ไฟเบอร์ และโพแทสเซียม
วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพสมองและช่วยบำรุงระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย รวมทั้งช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง และควบคุมระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งร่างกายจะดูดซึมวิตามินบี 12 ได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น และหากร่างกายขาดวิตามินบี 12 จะส่งผลให้มีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย อ่อนล้า โลหิตจาง และท้องผูก
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ได้แก่ นม ชีส ไข่ ปลา สัตว์ปีก เนื้อแดงและธัญพืช
แคลเซียม
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความแข็งแรงของกระดูกและฟัน นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์ประสาทและมีส่วนสำคัญต่อการยืดอายุการทำงานของเซลล์ประสาท เช่น ความจำต่าง ๆ เมื่อเราอายุมากขึ้น กระดูกของเราจะเริ่มสูญเสียแคลเซียม ทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บอยู่บ่อย ๆ หรือเป็นโรคกระดูกพรุนได้
อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียวเข้ม ถั่วเหลือง ปลาแซลมอนที่มีก้าง ปลาซาร์ดีนกระป๋อง และอาหารเสริมแคลเซียม
วิตามินดี
วิตามินดีมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคซึมเศร้า และโรคมะเร็ง อีกทั้งยังมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าวิตามินดีนั้นมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพสมองและการดูดซึมแคลเซียม โดยปกติแล้ว ร่างกายจะสร้างวิตามินดีขึ้นมาเมื่อผิวของเราเผชิญกับแสงแดด แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มดูดซึมวิตามินดีได้น้อยลง นอกจากนี้ เราอาจได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
หากต้องการให้ร่างกายได้รับวิตามินดีเพิ่มขึ้น ควรรับประทานอาหาร เช่น ปลาที่อุดมไปด้วยไขมัน น้ำมันตับปลา ผลิตภัณฑ์จากนม และซีเรียลเสริมอาหาร
วิตามินอี
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้หากสามารถรักษาปริมาณวิตามินอีที่เหมาะสมไว้ได้เมื่ออายุมากขึ้น วิตามินอีจะสามารถช่วยลดปัญหาความจำเสื่อมได้
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ ถั่ว เมล็ดพืช เนยถั่ว และน้ำมันต่าง ๆ เช่น เมล็ดทานตะวัน น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น
ไฟเบอร์
ไฟเบอร์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและช่วยให้ระดับกลูโคสในเลือดคงที่ ซึ่งกลูโคสนี้จัดเป็นพลังงานซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง ซึ่งการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและยังช่วยป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
ทั้งนี้เราสามารถหาแหล่งไฟเบอร์ที่ดี ได้จาก ผลไม้ ผัก ถั่ว เมล็ดถั่ว ขนมปังโฮลเกรน และซีเรียล
โพแทสเซียม
โพแทสเซียมทำหน้าที่ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปยังสมอง ควบคุมสมดุลปริมาณของเหลวในร่างกาย และควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ และยังช่วยบำรุงรักษาการทำงานของระบบประสาทให้แข็งแรง หากร่างกายได้รับโพแทสเซียมมากขึ้นแต่ได้รับปริมาณโซเดียม (เกลือ) ลดลง อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงได้ ในทางที่ดีเราอาจลองลดการใส่เกลือลงไปในอาหาร และใช้สมุนไพร เครื่องเทศสำหรับเพิ่มรสชาติอาหารแทน แหล่งโพสแทสเซียมที่ดี ได้แก่ ผัก ผลไม้ และถั่วชนิดต่าง ๆ
การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุนั้นมีความสำคัญต่อทุกช่วงวัย อย่างไรก็ตามวัย 50+ อาจต้องดูแลเรื่องของโภชนาการเป็นพิเศษ เนื่องจากประสิทธิภาพการดูดซึมอาหารของร่างกายสามารถลดลงได้ตามวัยจึงส่งผลให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอตามความต้องการ แม้ว่าจะไม่มียาตัวใดที่จะมาทดแทนการรับประทานอาหารได้ แต่อาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุอาจช่วยให้วัย 50+ ได้รับสารอาหารที่จำเป็นได้ง่ายขึ้น ดังนั้น สำหรับกรณีของวัย 50+ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาจมีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจรับประทานอาหารเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุเสริม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาดูว่าเหมาะสมกับร่างกายหรือไม่
เสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการเพื่อชีวิตดี ๆ ในทุกมิติที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest ห่วงใยและใส่ใจคุณตลอดชีวิตแบบครบวงจร
การดูแลตนเองให้มีสุขภาพสดใสแข็งแรงสมวัย 50+ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสม ทั้งการรับประทานอาหารที่ครบถ้วนถูกหลักโภชนาการ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมอย่างเป็นประจำ และได้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม หากได้ใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้วัยอิสระมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
ทั้งหมดนี้คือแนวคิดของ The Aspen Tree The Forestias ที่ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพและชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://baycrest.uberflip.com/baycrest/brainmatters-spring-summer-2020