ลงทะเบียน
CHAT
WITH US

ความสำคัญของการบริโภคยาที่จำเป็นและพอเหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล

ความสำคัญของการบริโภคยาที่จำเป็นและพอเหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล

ยาถือเป็นปัจจัยที่จำเป็นอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อเรามีการเจ็บป่วยก็ต้องรับประทานยารักษาหรือบรรเทาอาการ และยิ่งหากเป็นผู้ที่มีโรคเรื้อรังที่ต้องรับประทานยาหลายตัว การรับประทานยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรสั่งจ่ายก็เหมือนจะเป็นกิจวัตรที่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือบางท่านที่มีโรคเรื้อรังหลายโรค อาจจะต้องรับประทานยามากเป็นสิบตัวในทุกวัน ซึ่งก็มีโอกาสลืมหรือรับประทานไม่ครบได้ ยาบางอย่างอาจต้องมีการหักแบ่งเม็ด ซึ่งก็เป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นอีก แต่จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถออกแบบยาที่จำเพาะกับเราได้ และสามารถรวมยาหลาย ๆ ตัวให้อยู่ในเม็ดเดียวหรือ ออกแบบขนาดยาที่เหมาะสมโดยที่ไม่ต้องมีการแบ่งหรือหักเม็ดยา โดยที่ยังสามารถคงจำนวนตัวยาและขนาดยาเท่าเดิม ซึ่งจะทำให้การรับประทานยาสะดวกขึ้นมาก ภาพจินตนาการเช่นนี้อาจไม่ได้เป็นแค่เรื่องสมมุติอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ยาเองจากที่บ้าน ที่กำลังเริ่มมีการศึกษาและนำมาใช้ในปัจจุบัน

การจ่ายยาให้ผู้ป่วยในปัจจุบัน

ยา คือ สารออกฤทธิ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพ ยาเป็นสิ่งเราใช้เพื่อหวังผลทางการรักษาโรค ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ยาจึงเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมให้ได้มาตรฐานตั้งแต่ต้นทางการผลิต บรรจุภัณฑ์ การจัดจำหน่าย การเก็บรักษา จนไปถึงการสั่งจ่ายโดยแพทย์และเภสัชกร ก่อนถึงมือผู้ป่วย

ในทุกวันนี้ ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนยาทั้งหมด ล้วนมาจากการผลิตในระบบอุตสาหกรรม ภายใต้การควบคุมจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของกฎหมายว่าด้วยยาโดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ยาที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัยต่อผู้ป่วย

อย่างไรก็ตามการผลิตยาด้วยระบบอุตสาหกรรมเช่นนี้ ยาที่ได้จะถูกกำหนดโดยผู้ผลิตเป็นเบื้องต้น ยาที่ออกมาสู่ท้องตลาด จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในจุดสมดุลระหว่างปริมาณยาที่ออกฤทธิ์ได้อย่างปลอดภัย ความสะดวกในการบริหารยา ซึ่งอาจจะไม่ได้เหมาะกับผู้ป่วยทุกราย ทำให้ในบางครั้งแพทย์หรือเภสัชกรจึงต้องมีการสั่งจ่ายยาแบบที่ต้องแบ่งเม็ดรับประทาน เช่น หักครึ่งเม็ด หรือหัก ¼ เม็ดซึ่งเป็นการเพิ่มขั้นตอนในการใช้ยา เพิ่มโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด และเพิ่มความเสี่ยงในการรักษาคุณภาพของยาอีกครึ่งเม็ดที่เหลือ และหากผู้ป่วยต้องได้รับยาหลายตัวพร้อมกัน ก็จะยิ่งสร้างความยุ่งยากในการบริหารยามากยิ่งขึ้นไปอีก

ปัญหาเหล่านี้จึงเป็นที่มาของแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะสามารถผลิตยาที่จำเพาะต่อความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคนได้ โดยยังให้ประสิทธิภาพในการรักษาและมีความปลอดภัย

การพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ยาเองจากที่บ้าน

เทคโนโลยีการพิมพ์ยาเริ่มมาจากการพัฒนาการพิมพ์สามมิติ (3D printing) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการปล่อย open-source ของเครื่องพิมพ์สามมิติในปี 2006 ทำให้นักวิจัยและพัฒนาทั่วโลกสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น จนนำไปสู่การพัฒนาต่อยอด และประยุกต์ใช้การพิมพ์สามมิติไปสู่หลากหลายวัตถุประสงค์ได้อย่างก้าวกระโดด

โดยในปัจจุบัน การพิมพ์สามมิติถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายวงการ รวมไปถึงในวงการแพทย์ เช่น ผลิตฟันปลอมที่พอเหมาะกับช่องปากของผู้ป่วยเฉพาะบุคคล และการผลิตยาเฉพาะบุคคลดังกล่าว ซึ่งหลักการการผลิต ยาจะถูกพิมพ์โดยพ่นออกมาเป็นชั้น ๆ จากล่างขึ้นบน แต่ละชั้นจะเชื่อมต่อกันด้วยกาวพิเศษเพื่อขึ้นรูปเม็ดยา ด้วยลักษณะการทำงานเช่นนี้ จึงทำให้สามารถผลิตเม็ดยาที่มีตัวยาหลาย ๆ อย่างรวมอยู่ในเม็ดเดียว ทำให้สะดวกในการรับประทาน โดยไม่ต้องรับประทานยาหลาย ๆ เม็ดในแต่ละมื้อ

ตัวอย่างการนำเทคโนโลยีพิมพ์ยาเองจากที่บ้านมาใช้

ปัจจุบัน มียาที่ผลิตโดยเทคโนโลยี 3D printing ที่ได้รับการรับรองจาก US Food and Drug Administration (FDA) แล้วหนึ่งตัวด้วยกัน คือ Spritam® ซึ่งตัวยาเป็นยากันชัก levetiracetam ที่ปรับให้อยู่ในรูปแบบใหม่ ด้วยการใช้เครื่องพิมพ์ยา ZipDose® ของบริษัทยา Aprecia Pharmaceuticals ทำให้สามารถผลิตเม็ดยาที่มีรูพรุนขนาดเล็กที่ตาเปล่ามองไม่เห็นจำนวนมาก  ซึ่งช่วยให้เม็ดยามีคุณสมบัติพิเศษที่จะละลายตัวทันทีที่จิบน้ำตาม ทำให้ไม่เหลือเม็ดยาและกลืนได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถปรุงแต่งกลิ่นรสเพิ่มเติมได้ ยาตัวนี้จึงมุ่งเน้นทำการตลาดไปที่กลุ่มผู้ป่วยโรคชักในเด็กที่ประสบปัญหากลืนยาเม็ดได้ยาก และช่วยแก้ปัญหาการได้รับปริมาณยาที่ไม่แม่นยำจากการตวงยาน้ำ

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยา Spritam® ยังคงไม่สามารถซื้อเครื่องพิมพ์ยา ZipDose® มาพิมพ์ยาเองที่บ้านได้ คาดว่าเนื่องด้วยข้อจำกัดของระเบียบข้อบังคับเพื่อการควบคุมคุณภาพของยาในปัจจุบัน แต่หากต่อไปมีการออกกฎระเบียบใหม่ที่ครอบคลุมเทคโนโลยีพิมพ์ยาที่บ้านแล้ว ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่เครื่องพิมพ์ยาของบริษัทนี้จะสามารถออกสู่ท้องตลาดในอนาคต

ข้อจำกัด

ข้อจำกัดที่สำคัญของการพิมพ์ยาเองที่บ้าน คือ การควบคุมคุณภาพของยา ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ทั้งนี้เนื่องมาจากยาเป็นสารออกฤทธิ์ที่ต้องผ่านการควบคุมมาตรฐานอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษา รวมไปถึงการปนเปื้อนต่าง ๆ นอกจากนี้การกำจัดเศษยาจากการพิมพ์ไม่ให้ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และการป้องกันอันตรายจากการใช้งานที่ผิดพลาดของผู้ใช้ตามบ้าน ก็เป็นอีกข้อจำกัดหนึ่งที่มีการพูดถึงกันในปัจจุบัน และยังมีข้อจำกัดในแง่ของการเข้าถึงเทคโนโลยีและราคา

อนาคตของการผลิตยาเฉพาะบุคคลจากที่บ้าน

แม้ในปัจจุบันการพิมพ์ยาเฉพาะบุคคลได้เองที่บ้านจะยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง แต่การพิมพ์ยาเองที่บ้านนั้นมีความเป็นไปได้อย่างมากในอนาคต เพราะในปัจจุบันก็มีเครื่องมือวัดสุขภาพด้วยตนเองที่บ้าน และอุปกรณ์ที่ช่วยในการรักษาออกมาสู่ท้องตลาดมากมาย เช่น เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดค่าออกซิเจนในเลือด เครื่องวัดระดับน้ำตาลจากปลายนิ้ว และชุดตรวจโรคติดเชื้อด้วยตนเอง ชุดฉีดยาอินซูลินด้วยตนเอง ปากกาแก้แพ้ฉุกเฉิน (EpiPen) เครื่องล้างไตทางช่องท้องแบบอัตโนมัติที่บ้าน (automated peritoneal dialysis; APD) รวมไปถึงการตรวจความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น ความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม โรคสมองเสื่อม ยีนที่จำเพาะต่อการแพ้ยา หรือการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสเพื่อหาความไวต่อยาต้านไวรัส ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้มีการพัฒนาแนวทางการรักษาเป็นการรักษาเฉพาะบุคคลมากขึ้น และผลักดันให้ผู้คนทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะต้องการดูแลสุขภาพของตนเองด้วยมือของตัวเองมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้อนาคตของการพิมพ์ยาได้เองจากที่บ้านเป็นเรื่องที่เป็นไปได้และใกล้ตัวมากขึ้น

สรุป

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านสุขภาพกำลังถูกขับเคลื่อนจากความต้องการการจัดการสุขภาพเฉพาะบุคคล การผลิตยาเฉพาะบุคคลจากที่บ้านเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาและมีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้เราจะสามารถมีเครื่องพิมพ์ยาเองที่บ้านที่สามารถออกแบบยาที่เหมาะสมเฉพาะเราได้

การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดีอย่างครบทุกมิติ พร้อมประสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest เราพร้อมดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร

จากเทรนด์การดูแลและใส่ใจเรื่องสุขภาพทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพสมอง การมีที่อยู่อาศัยที่มีสิ่งแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพครบในทุกมิติจึงเป็นนับเป็นของขวัญที่ล้ำค่า เพื่อการใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีความสุข และมีชีวิตที่ยืนยาว โครงการ The Aspen Tree เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่มีการประสานความร่วมมือกับสถาบัน Baycrest ผู้นำด้านการวิจัยและการดูแลสุขภาพของผู้สูงวัยระดับโลกได้ออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับวัยอิสระที่ดูแลและให้บริการอย่างครบครัน รอบด้าน ทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ

ที่ The Aspen Tree เราผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งด้านการแพทย์และที่อยู่อาศัยซึ่งมีการศึกษาวิจัยรองรับ เพื่อมอบการดูแลและส่งเสริมการมีสุขภาพดีของทุกท่าน

พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพและชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม

ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree

โทร. 1265

LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

PUBLISHED : 5 เดือนที่แล้ว

facebook twitter line

RELATE ARTICLES

MQDC
การยืนยัน