การหกล้มและแนวคิดการอยู่อาศัยอย่างปลอดภัย
มีการประมาณการว่าในแต่ละปีจะมีวัยอิสระหกล้มมากถึง 1 ใน 4 (หรือมากถึง 25%) โดยวัยอิสระที่เคยหกล้มมีโอกาสสูงที่จะได้รับบาดเจ็บรุนแรง และอาจไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามเดิม นอกจากนี้ในปัจจุบันยังพบอีกว่าการล้มเป็นสาเหตุหลักของการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของวัยอิสระ
ไอแนต แดนีลี ผู้จัดการฝ่ายคลินิกบริการผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเบย์เครสต์ (Baycrest Hospital) ผู้นำการดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดา ชี้ว่า “การป้องกันการพลัดตกหกล้มถือเป็นหัวใจสำคัญในการส่งเสริมแนวคิดการอยู่อาศัยอย่างปลอดภัยภายในบ้านของวัยอิสระ” ปัจจุบันทีมของเธอกำลังดำเนินโครงการ “การป้องกันการหกล้มในชุมชน” ทั้งที่วิทยาเขตของเบย์เครสต์ (Baycrest) และอาคารต่าง ๆ ภายใต้การบริหารขององค์การ Toronto Seniors Housing Corporation (TSHC) เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “เป้าหมายของเราคือการขยายโครงการนี้ออกไปให้ครอบคลุมหลากหลายสถานที่ เพื่อให้วัยอิสระสามารถเข้าถึงและเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างสะดวกใกล้บ้าน ส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และลดความเสี่ยงจากการพลัดตกหกล้ม”
กิจกรรมป้องกันการหกล้มที่ได้รับการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ
กิจกรรมในโครงการนี้มุ่งเน้นการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและการรับรู้สภาวะร่างกาย เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม โดยแต่ละชั่วโมงประกอบด้วย
- การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง โดยใช้ดนตรีประกอบจังหวะสนุกสนาน
- การฝึกบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจว่าร่างกายมนุษย์รักษาสมดุลได้อย่างไร
- ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุของการหกล้ม
ผู้เข้าร่วมจะได้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ทุกสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ โดยกิจกรรมมักจะจัดขึ้นภายในอาคารที่พักอาศัยของวัยอิสระเพื่อความสะดวกสบาย
นิโคล แคมป์เบลล์ ผู้เชี่ยวชาญและนักสรีรวิทยาการเคลื่อนไหว (kinesiologist) เป็นผู้ดูแลโครงการป้องกันการหกล้มนี้ ในทุก ๆ สัปดาห์เธอจะสาธิตวิธีการใช้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในขณะที่ผู้เข้าร่วมโครงการฝึกท่าบริหารร่างกายซ้ำ ๆ ซึ่งท่าบริหารเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อจำลองการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะ เช่น การก้าวเท้าไปด้านข้าง สลับน้ำหนักจากขาข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้เดินเข้าออกโรงภาพยนตร์หรือเดินในห้องครัว
“การออกกำลังกาย” คือวิธีที่ดีที่สุดในการลดโอกาสหกล้ม
นิโคล แคมป์เบลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดความเสี่ยงของการหกล้มนั้นประกอบด้วยหลายปัจจัย แต่ถ้าเลือกได้เพียงอย่างเดียว การออกกำลังกายคือสิ่งที่ดีที่สุด” ผลการวิจัยจำนวนมากชี้ว่า การออกกำลังกายที่เน้นเรื่องความแข็งแรงและการทรงตัวสามารถป้องกันการหกล้มได้ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออันตรายได้เร็วขึ้น และมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับตัวและทรงตัวได้ทัน จึงช่วยไม่ให้หกล้ม
ไอแนต แดนีลี ผู้จัดการฝ่ายคลินิกบริการผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเบย์เครสต์ (Baycrest Hospital) ชี้แจงเพิ่มเติมว่า หลักการนี้เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจจัดโครงการนี้ภายในอาคารของ TSHC เพราะผู้พักอาศัยอาจไม่สามารถเข้าถึงการออกกำลังกายที่มีทั่วไปหรือการออกกำลังกายในยิมได้
แม้จะมีโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน แต่แคมป์เบลล์ นักสรีรวิทยาการเคลื่อนไหวก็ยังรู้สึกว่าได้เจอกับผู้เข้าร่วมช้ากว่าที่เธอต้องการ และกล่าวว่า “พวกเขาเคยหกล้ม หรือรู้จักคนที่หกล้มแล้วอาการค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าร่วมโครงการคือ ก่อนที่จะหกล้ม” วัยอิสระจำนวนมากมีความวิตกกังวลในการออกนอกบ้านหลังหกล้มครั้งแรก ทำให้ขาดการเข้ารับการประเมินและฟื้นฟูจากผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลทางสถิติชี้ว่าวัยอิสระราว 2 ใน 3 มีโอกาสหกล้มซ้ำภายในระยะเวลา 1 ปี แคมป์เบลล์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “วัยอิสระหลายท่านทราบว่าทางออกที่ดีที่สุดหลังจากหกล้มคือเพิ่มความระมัดระวัง แต่พวกเขากลับไม่ได้ระมัดระวังในวิธีที่ถูกต้อง"
ผู้เข้าร่วมโครงการชื่นชอบและได้ประโยชน์จากโครงการป้องกันการหกล้ม
เทเรซ่า แมคดูกัลผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้กล่าวว่า “หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในวัย 50 ปีขึ้นไป จะช่วยให้คุณรู้จักร่างกายของตัวเองดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน และได้เปลี่ยนแปลงมุมมองการใช้ชีวิตประจำวันของฉัน” ปัจจุบันเธอเปลี่ยนไปสวมรองเท้าที่พื้นแข็งแรงแทนรองเท้าแตะในยามเช้าเพื่อช่วยพยุงการทรงตัว และเปิดไฟให้สว่างแม้ในสถานที่ที่คุ้นเคยเพื่อป้องกันการมองไม่เห็นสิ่งกีดขวางที่อาจเกิดอันตรายได้ “นิโคล ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก “แมคดูกัลกล่าวชื่นชมแคมป์เบลล์ที่สร้างบรรยากาศในห้องเรียนได้ดี และเติมเต็มพลังให้กับผู้เข้าร่วม การได้กลับมาเรียนรู้ในห้องอีกครั้ง ไม่เพียงช่วยให้วัยอิสระได้เรียนรู้เทคนิคป้องกันการหกล้ม แต่ยังสร้างชุมชนขึ้นมาอีกด้วย “การได้ฟังเรื่องราวความยากลำบากของคนอื่น ๆ มันมีประโยชน์จริง ๆ” แมคดูกัลกล่าว
ด้านแคมป์เบลล์เองก็ได้เห็นผลตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมโครงการ เวลาที่ผู้ร่วมโปรแกรมสามารถทรงตัวได้ในท่าออกกำลังกายที่ยาก ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ทั้งห้องก็จะปรบมือแสดงความยินดีร่วมกัน แคมป์เบลล์ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า “โปรแกรมนี้สร้างพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ร่วมกัน และส่งเสริมให้ทุกคนได้เชื่อมต่อกันโดยไม่มีข้อจำกัดด้านวัย”
พัฒนาตนเองและดูแลสุขภาพรอบด้านอย่างมั่นใจและไร้กังวลในวัย 50+ ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest ห่วงใยและใส่ใจคุณตลอดชีวิตแบบครบวงจร
การจะดูแลตนเองให้มีสุขภาพที่สดใสแข็งแรงสมวัย 50+ และการหลีกเลี่ยงการพลัดตกหกล้มนั้น นอกจากจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพทั้งด้านร่างกาย สมอง จิตใจแล้วนั้น การได้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้วัยอิสระมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มีความหมาย ปราศจากความกังวล ทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ ให้คุณได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพ และชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.baycrest.org/Baycrest_Centre/media/images/BAY_BULLETIN_Sept-Oct-2023_V2.pdf