สุขภาพช่องปากเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะโรคเหงือกและฟันนั้นมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ รวมไปถึงการสูญเสียความทรงจำ ทำให้ปัจจุบันทันตแพทย์ไม่เพียงให้ความสำคัญกับสุขภาพช่องปากเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายด้วย โดยมีการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ ทันตแพทย์ปริทันต์ (ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคเหงือก) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัย รักษา และการป้องกันโรคปริทันต์ (โรคเหงือก) ได้มีการส่งเสริมให้ผู้ป่วยรักษาสุขภาพเหงือกเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ขึ้นในอนาคต
แบคทีเรียในช่องปากกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์
การจากศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาชื่อ “Science Advances” ได้ค้นพบว่า “แบคทีเรีย พี-จิงจิวาลิส (P. gingivalis)” ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเหงือกนั้นมีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนกับโรคอัลไซเมอร์ โดยนักวิจัยพบเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในเนื้อเยื่อสมอง น้ำไขสันหลัง และน้ำลายของผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยพบ “จิงจิเพน (Gingipains)” ซึ่งเป็นเอ็นไซม์พิษที่หลั่งจากแบคทีเรีย พี-จิงจิวาลิส ในเนื้อเยื่อสมองของกลุ่มตัวอย่างมากถึง 96% จากจำนวน 53 ตัวอย่าง โดยพบจิงจิเพนในระดับที่สูงในคนที่มีพยาธิสภาพและอาการแสดงของโรคอัลไซเมอร์
ทันตแพทย์มาร์ค ไรเดอร์ (Mark I. Ryder, DMD) ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปริทันตวิทยา (โรคเหงือก) ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ให้ข้อมูลว่าเชื้อแบคทีเรีย พี-จิงจิวาลิส ทำให้มีการสร้างโปรตีนอะไมลอยด์ที่เป็นสาเหตุของ อัลไซเมอร์มากขึ้น และได้มีการยืนยันข้อมูลที่พบดังกล่าวนี้โดยการศึกษาในสัตว์และพบว่า เชื้อแบคทีเรีย พี-จิงจิวาลิส สามารถเคลื่อนที่จากภายในช่องปากไปที่สมองได้ แล้วผลิตสารจิงจิเพนออกมาทำลายเนื้อสมอง และจากผลการศึกษานี้ได้ช่วยอธิบายกลไกทางชีววิทยาว่า แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคทางปริทันต์ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างไร
สุขภาพช่องปากสำคัญอย่างไร?
จากการศึกษาของ ดร. ริชาร์ด เกา (Richard Kao, DDS, PhD) ประธานสมาคมโรคปริทันต์วิทยา ซึ่งเป็นสมาคมวิชาชีพทันตแพทย์ปริทันต์ที่มีสมาชิกมากกว่า 8,000 คน ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของสุขภาพเหงือกที่มีผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม ดร. ริชาร์ดกล่าวว่า “ทันตแพทย์ปริทันต์ทราบมานานแล้วว่าสุขภาพช่องปากที่ดีช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และจากงานวิจัยได้เสนอให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรคเหงือกกับภาวะสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์” และยังกล่าวต่อไปอีกว่า “จากการค้นพบล่าสุดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โรคเหงือก ส่งผลต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างไร และยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลเกี่ยวกับโรคเหงือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัย 60 ปีขึ้นไปหรือบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม”
แม้ว่าผลการศึกษาจะช่วยเพิ่มหลักฐานสนับสนุนความเชื่องโยงระหว่างโรคเหงือกและโรคอัลไซเมอร์ แต่ก็ยังคงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ได้ดียิ่งขึ้น และเพื่อหาคำอธิบายว่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกนั้นทำให้โรคอัลไซเมอร์รุนแรงขึ้นได้อย่างไร โดยจะมีการศึกษาทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ที่ดำเนินการโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ที่กำลังจะเริ่มทำการศึกษา โดยจะศึกษาประโยชน์ของการใช้สารยับยั้งสารพิษจิงจิเพน (สารพิษที่ผลิตจากแบคที่เรีย พี-จิงจิวาลิส) ในการลดการเกิดโรคและลดความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งผลการศึกษาทางคลินิกนี้จะช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างโรคเหงือกและโรคอัลไซเมอร์ได้
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ดร. ริชาร์ด เกา สนับสนุนให้ผู้ที่อยู่ในวัยอิสระ (วัย 60 ปีขึ้นไป) หรือกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงอื่น ๆ หมั่นดูแลสุขภาพช่องปากและรักษาโรคเหงือกอย่างทันท่วงทีเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ “มากกว่าครึ่งนึงของประชากรสหรัฐอเมริกาที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปจะพบว่าเป็นโรคเหงือก และจะมีความชุกของโรคเหงือกเพิ่มขึ้นเป็น 68% ในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ดังนั้นการแปรงฟันเป็นประจำ และการใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง รวมไปถึงการไปพบทันตแพทย์โรคเหงือก จะทำให้ระบุโรคและทำการรักษาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้”
สรุป
จากหลักฐานการศึกษาในปัจจุบันพบว่า สุขภาพเหงือกและสุขภาพช่องปากมีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยพบว่าโรคเหงือกทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ ดังนั้นจึงนับได้ว่าการรักษาสุขภาพช่องปาก การแปรงฟันเป็นประจำ การใช้ไหมขัดฟัน และการไปพบทันตแพทย์เป็นประจำเป็นวิธีการหนึ่งในการลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ได้
ค้นพบนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตในวัยอิสระ ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest ภายใต้แนวคิดการดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร “Holistic Lifetime Care”
เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 50+ เราอยากมีชีวิตแบบไหน ? คงเป็นคำถามที่ใครหลาย ๆ ได้มองถึงการวางแผนระยะยาว ที่จะใช้ชีวิตในวัยอิสระนี้อย่างจริงจัง และจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถเลือกออกแบบชีวิตและมีที่พักอาศัยที่ดูแลเราไปตลอดชีวิตแบบครบวงจร (Holistic Lifetime Care) มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน มุ่งเน้นการบริการและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care) ผสานกับกิจกรรมและสันทนาการต่าง ๆ ระหว่างวัน ผ่านโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ที่ร่วมทำงานกับ Baycrest ผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพ ผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 ปี ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อทำให้คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย สะดวกสบาย และอุ่นใจทุก ๆ ด้าน
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพสมอง และชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.perio.org/press-release/periodontal-disease-bacteria-linked-to-alzheimers-disease/