หูและสมองของเรานั้นทำงานร่วมกัน เพื่อแยกแยะเสียงที่เราสนใจกับเสียงของสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงของเพื่อนในร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่าน กับเสียงดนตรีและเสียงพูดคุยของคน ผู้ที่อายุมากขึ้นหลาย ๆ คน มักมีปัญหาสูญเสียการได้ยิน ซึ่งมีผลกระทบต่อความสามารถในการแยกแยะเสียงที่สนใจออกจากเสียงรบกวนต่าง ๆ ในการสื่อสารประจำวัน การสูญเสียการได้ยินนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เสี่ยงต่อการปลีกตัวออกจากสังคม แต่ยังเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
ปัญหาการได้ยินเพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม
ที่สถาบันเบย์เครส (Baycrest) ผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดา ดร. เบียร์น เฮอร์มัน นักจิตวิทยาและนักประสาทวิทยาด้านการรับรู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินในผู้สูงวัย ได้วางแผนการศึกษากลไกของสมองขณะที่มีปัญหาการได้ยินในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังรบกวน ว่าเกี่ยวข้องกับความสามารถที่ลดลงของสมองอย่างไร
ดร. เฮอร์มัน พบว่า “สัญญาณแรกที่บอกว่ามีปัญหาการได้ยิน คือ การต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการทำความเข้าใจคำพูดในสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่นและแออัด โดยสัญญาณนี้สามารถพบได้ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่ามีปัญหาการได้ยินมากกว่า 10 ปี หากเราเข้าใจกลไกของการสูญเสียการได้ยินมากขึ้น และบอกได้ถึงปัญหาการได้ยินตั้งแต่เนิ่น ๆ เราจะสามารถรักษาผู้ป่วยได้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ดร. เฮอร์มัน ยังวางแผนที่จะศึกษาว่าการสูญเสียการได้ยินส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างไร? โดย ดร. เฮอร์มันกล่าวว่า “ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินอาจมีการแยกตัวออกมาชั่วคราว เมื่อรู้สึกว่าการเข้าใจคำพูดหรือบทสนทนาเป็นเรื่องยาก หรืออาจหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง หวังว่า การศึกษาวิจัยนี้จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินยังสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น และมีกิจกรรมทางสังคมได้”
ดร. วิลเลียม ไรช์แมน ประธานและซีอีโอของสถาบัน Baycrest กล่าวว่า “งานวิจัยของ ดร. เฮอร์มัน จะช่วยทำให้เราทราบและสามารถบอกได้ถึงสัญญาณความเสื่อมของสมองตั้งแต่เนิ่น ๆ และ อาจมีส่วนสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมทางการแพทย์จะช่วยให้การสุขภาพการได้ยินของประชากรสูงวัยในประเทศแคนาดาและทั่วโลกดีขึ้น และจะช่วยลดอัตราการเกิดภาวะที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมอื่น ๆ ด้วย”
การตรวจการได้ยินช่วยลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมได้
การศึกษาล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ The Journal of Alzheimer’s Disease เมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นการศึกษาของทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ของสถาบัน Baycrest การศึกษานี้ชื่อว่า “การเพิ่มความชัดเจนในการตรวจพบปัญหาการได้ยินในผู้มีปัญหาสมองเสื่อม” การศึกษานี้พบว่า การตรวจคัดกรองการได้ยินในผู้ป่วยที่มารับการรักษาในคลินิกความจำ ทำให้แพทย์ตระหนักถึงปัญหาการได้ยินของผู้ป่วยและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาเกี่ยวกับการได้ยินได้มากขึ้น
มาริลิน รีด ที่ปรึกษาด้านเวชปฏิบัติภาควิชาโสตวิทยา ของสถาบัน Baycrest ผู้วิจัยหลักของการศึกษานี้ได้ระบุว่า “การสูญเสียการได้ยินพบได้บ่อยในผู้สูงวัย แต่มักไม่มีการรายงาน และผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพวกเขาอย่างมาก” แต่ถึงอย่างนั้น การตรวจคัดกรองการได้ยินก็ยังไม่ได้เป็นการตรวจที่แนะนำสำหรับผู้สูงวัย ดังนั้นการศึกษานี้จึงได้ตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้และความคุ้มค่าของการตรวจคัดกรองการได้ยินในผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม เพื่อเพิ่มความตระหนักของแพทย์ถึงปัญหาการสูญเสียการได้ยินและเพิ่มโอกาสในการได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
จากการศึกษานี้ พบปัญหาการสูญเสียการได้ยินในผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มารับการรักษาที่คลินิกความจำ ด้วยแบบประเมินทั้งการประเมินที่คลินิก และการประเมินผ่านระบบออนไลน์ แพทย์ได้บอกอีกว่า การตรวจคัดกรองนี้ช่วยเพิ่มความตระหนักถึงปัญหาการสูญเสียการได้ยินของผู้ป่วย และช่วยในการตัดสินใจของแพทย์ว่าจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังแผนกโสตวิทยาเพื่อการรักษาเพิ่มเติมหรือไม่
จากการศึกษานี้บอกได้ว่า การตรวจคัดกรองการได้ยินในผู้ป่วยคลินิกความจำ เป็นวิธีการที่มีประโยชน์ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการจัดการปัญหาการได้ยินได้อย่างทันท่วงที และยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคสมองเสื่อม
สรุป
มนุษย์เราใช้ประสาทสัมผัสหลาย ๆ ด้านในการส่งเสริมและช่วยในการเรียนรู้ และการได้ยินก็เป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสที่ช่วยในการเรียนรู้ และจากข้อมูลการศึกษาต่าง ๆ ระบุชัดเจนว่าปัญหาการสูญเสียการได้ยินเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะสมองเสื่อม
ดังนั้นการให้ความสำคัญและความเข้าใจปัญหาการได้ยินนี้ จะช่วยให้เราสามารถจัดการรับมือ และป้องกันการสูญเสียการได้ยินที่จะนำมาซึ่งโรคสมองเสื่อมได้ การศึกษาของสถาบัน Baycrest นั้นช่วยส่งเสริมให้แพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงบุคคลทั่วไปได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาการได้ยิน ว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมอื่น ๆ
สุขภาพกาย จิตใจ สมองที่แข็งแรง คือของขวัญของที่ดีที่สุดสำหรับวัย 50+ ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest พร้อมดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร
ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้คนมีอายุยืนยาวขึ้น และของขวัญที่ล้ำค่าของคนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น คือ การมีสุขภาพที่แข็งแรง ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีความหมาย ปราศจากความกังวล และทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพและชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.baycrest.org/Baycrest-Pages/News-Media/News/Baycrest/Baycrest-led-audiology-study