“ภาวะซึมเศร้า” เป็นภาวะผิดปกติอย่างหนึ่งของสมองที่ส่งผลต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก โดยผู้ที่มีภาวะนี้อาจไม่แสดงความผิดปกติทางร่างกายใด ๆ เลย โดยสามารถพบภาวะซึมเศร้าได้ในผู้สูงวัยเช่นกัน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีเช่นเดียวกับในวัยอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงวัยนี้ สามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงได้
ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงวัย
สมองเป็นอวัยวะที่มีการทำงานที่ซับซ้อนยิ่งกว่าส่วนใด ๆ ของร่างกาย หน้าที่ของสมองนั้นมีทั้งในด้านที่ควบคุมการทำงานทางกายภาพของร่างกาย เช่น ควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ ประมวลสัญญาณและสร้างการรับรู้ทั้งทางภาพ เสียง และสัมผัส เป็นต้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง สมองยังมีหน้าที่ควบคุมการทำงานในทางจิตด้วย เช่น ความทรงจำ ความคิด อารมณ์ความรู้สึก และพฤติกรรม ดังนั้นเราจึงสามารถพบความผิดปกติของสมองได้ทั้งจากอาการทางด้านร่างกาย เช่น แขนขาอ่อนแรง มือชาเท้าชา และอาการทางด้านจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้า
ภาวะซึมเศร้าเป็นความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งทำให้มีผลต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พบได้ในทุกช่วงวัย ทั้งวันเด็ก วัยทำงาน และในผู้สูงวัย
ภาวะซึมเศร้าเป็นภาวะที่พบได้ในผู้สูงวัย สาเหตุมักเกิดจากการต้องเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจเข้ามากระทบจิตใจหรือมีการเปลี่ยนแปลงในวัยนี้ เช่น
- การสูญเสียคู่ชีวิต หรือบุคคลอันเป็นที่รัก
- ปัญหาการเงิน
- ปัญหาสุขภาพร่างกาย
- การแยกตัวออกจากสังคม
- การโยกย้าย ต้องปรับตัวเปลี่ยนไปอยู่ที่ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ปรับเปลี่ยนได้ยาก แต่ผู้สูงวัยยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า คนในวัยนี้จำนวนมากสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสดใส มีความสุข มีชีวิตชีวา มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ต่างจากคนในวัยอื่น ๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นผู้ที่เริ่มมีความรู้สึกซึมเศร้า ควรต้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบตัว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ภาวะซึมเศร้าอาจนำไปสู่ผลเสียอื่น ๆ ตามมาได้
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้า
- หากได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะซึมเศร้า จะต้องมีภาวะซึมเศร้าไปตลอด และไม่สามารถรักษาให้หายได้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้า
- ผู้สูงวัยตอบสนองต่อการรักษาภาวะซึมเศร้าได้ดีมาก อาการสามารถดีขึ้นและหายไปได้
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า?
ผู้มีอายุมากกว่า 65 ปีที่เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม
โดยผู้ที่มีพันธุกรรมของภาวะซึมเศร้าจะมีความเสี่ยงที่มากกว่า หากต้องพบเจอกับภาวะเครียดหรือกดดันต่าง ๆ
ซึ่งผู้สูงวัยที่มีภาวะซึมเศร้าในกลุ่มนี้ มักจะมีประวัติของภาวะซึมเศร้ามาก่อนในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิต ก่อนที่จะพบภาวะซึมเศร้าในช่วงสูงวัย
- กลุ่มที่ไม่เคยเป็นซึมเศร้ามาก่อน
ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีสุขภาพจิตที่ดีมาโดยตลอด ไม่เคยมีภาวะซึมเศร้ามาก่อน โดยมักพบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้มีประวัติก้าวผ่านเรื่องใหญ่ ๆ ในชีวิตมาได้ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายถิ่นฐาน ปัญหาเรื่องเศรษฐานะ การหย่าร้าง หรือการสูญเสียคนใกล้ชิดหรือคนสำคัญ แต่สามารถพบภาวะซึมเศร้าได้เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ
การป้องกันภาวะซึมเศร้า
โดยทั่วไป ภาวะซึมเศร้าจะมีผลทำให้ผู้ป่วยไม่อยากเข้าสังคม รู้สึกไม่มีพลัง และไม่อยากทำอะไร แต่หากปล่อยให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมไปตามอาการของโรค อาจทำให้ภาวะซึมเศร้าแย่ลง ปัจจุบันเป็นที่ทราบแน่ชัดแล้วว่า การมีอายุที่เพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการมีสุขภาพที่ดีนั้น ต้องอาศัยการออกกำลังกาย การเข้าสังคม และการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยนี้สามารถป้องกันภาวะซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี
การรักษาภาวะซึมเศร้าต้องอาศัยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญ และได้รับการฝึกฝนเฉพาะทาง แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ด้วยตนเอง โดยการกระตุ้นสมองด้วยการเรียนรู้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพราะการเรียนรู้ส่งผลดีต่อสุขภาพของสมอง และไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเรียนรู้ ไม่ว่าอายุของเราจะเป็นเท่าใดก็ตาม
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการป้องกันภาวะซึมเศร้า
- เมื่อเข้าสู่อายุสูงวัยไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มได้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการป้องกันภาวะซึมเศร้า
- ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ การทำในสิ่งที่ชอบ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การพูดคุยกับคนรอบข้าง และการเข้าสังคม จะช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตใจ และทำให้อารมณ์ให้ดีขึ้นได้
วิธีการป้องกันภาวะซึมเศร้าที่ทำได้ด้วยตนเอง มีดังนี้
- หมั่นออกกำลังกาย
กิจกรรมทางกายใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การเล่นกีฬา การทำงานบ้าน ล้วนช่วยสร้างความแข็งแรง เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย และยังทำให้อารมณ์ดีขึ้น ซึ่งในวัย 50+ ควรเลือกการออกกำลังกายที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย เช่น เดินรดน้ำต้นไม้รอบบ้าน ทำสวนตัดแต่งต้นไม้ ทำงานบ้านเบา ๆ เดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์หรือบันไดเลื่อน จอดรถให้ห่างจากทางเข้าห้างสรรพสินค้าเพื่อให้ได้เดินมากขึ้น เป็นต้น และเลือกการออกกำลังกายที่ปลอดภัยและไม่ยากจนเกินไป เช่น การยกดัมเบลหรือขวดน้ำเบา ๆ การนอนยกขาขึ้นลงอย่างช้า ๆ การฝึกโยคะกับเก้าอี้ การฝึกการหายใจอย่างมีสติ เป็นต้น หากมีข้อจำกัดด้านร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์และนักกายภาพเพื่อหาวิธีการออกกำลังที่เหมาะสม และอย่าลืมว่ายิ่งขยับมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น
- หมั่นเข้าสังคมและพบปะพูดคุย
ภาวะซึมเศร้าจะทำให้มีความคิดในด้านลบ การมีสังคมที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริมพลังบวกจึงเป็นเรื่องสำคัญ การพูดคุยจะช่วยให้ได้มุมมองใหม่ ๆ ไม่ติดอยู่กับด้านลบเดิม ๆ เพื่อนฝูงอาจช่วยสร้างอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะที่ช่วยสร้างความสุขได้ การเข้าสังคมอาจเป็นได้ทั้งการไปเยี่ยมเยือน การนัดไปรับประทานอาหาร การพูดคุยหรือวิดีโอคอลทางโทรศัพท์ การเข้าสังคมอาจมีความยุ่งยากบ้าง แต่ให้ผลดี เพราะช่วยกำจัดความคิดในด้านลบ ลดอาการซึมเศร้า และทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้
- รักษาความสนใจใคร่รู้ และอยากรู้อยากเห็นไว้เสมอ
ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทักษะใหม่ ๆ ลองค้นหางานอดิเรกใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ หรือแม้แต่งานอาสาสมัคร สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยดึงความสนใจของเราให้ไปอยู่ที่สิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำให้เราไม่จดจ่ออยู่แต่กับความรู้สึกด้านลบ จึงช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้า และช่วยทำให้อารมณ์ของเราสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ปรึกษาแพทย์ หากสงสัยว่ามีปัญหาภาวะซึมเศร้า
เนื่องจากภาวะซึมเศร้าเกิดจากการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองที่ผิดปกติไป ทำให้ผู้ป่วยมีอารมณ์ความรู้สึก และความคิดที่ผิดไปจากปกติ จึงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนทั่วไปจะแยกแยะความรู้สึกแย่และความคิดแง่ลบที่เป็นอาการของโรคออกจากกันได้
ภาวะซึมเศร้าไม่ได้เกิดจากบุคลิกภาพหรือจิตใจที่อ่อนแอ แต่เป็นโรคของสมองที่มีอยู่จริงและรักษาได้ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเข้ารับคำปรึกษาและการรักษาจากแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความรู้สึกซึมเศร้านั้นคงอยู่ติดต่อกันยาวนานเกิน 2 สัปดาห์ ความเข้าใจว่าภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุของอารมณ์ที่ผิดปกติไปและเกิดจากการเจ็บป่วยของสมอง จะช่วยให้ตัวผู้ป่วยไม่รู้สึกผิด เข้าใจตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะเข้ารับการรักษา เพราะภาวะซึมเศร้าสามารถรักษาให้หายได้
สรุป
สมองเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกายที่เจ็บป่วยได้ เพราะการทำงานของสมองเกี่ยวข้องกับทั้งการทำงานของร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก บ่อยครั้งที่เราพบว่าอารมณ์ที่ผิดปกติเกิดจากภาวะผิดปกติบางอย่างของสมอง ภาวะซึมเศร้าก็เป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งของสมอง ที่ส่งผลต่อความคิด อารมณ์และความรู้สึก
เราสามารถพบภาวะซึมเศร้าไปบ่อยในผู้สูงวัย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับวิถีชีวิตและร่างกาย ซึ่งหากทราบว่าเริ่มมีอาการของภาวะซึมเศร้าต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง เพราะหากปล่อยไว้อาจส่งผลเสียอื่น ๆ ตามมาได้
สุขภาพกาย จิตใจ สมองที่แข็งแรง คือของขวัญของที่ดีที่สุดสำหรับวัย 50+ ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest พร้อมดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร
ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้คนมีอายุยืนยาวขึ้น และของขวัญที่ล้ำค่าของคนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น คือ การมีสุขภาพที่แข็งแรง ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีความหมาย ปราศจากความกังวล และทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ ให้คุณได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพและชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
อ้างอิงข้อมูลจาก
- https://www.baycrest.org/Baycrest/Health-Wellness/Health-Wellness-Information/Educational-Resources/Late-life-Depression/Understanding-late-life-depression
- https://www.baycrest.org/Baycrest/Health-Wellness/Health-Wellness-Information/Educational-Resources/Late-life-Depression/Prevention
- https://www.nhs.uk/mental-health/conditions/depression-in-adults/overview/
- https://www.nimh.nih.gov/health/topics/depression