เพราะความเป็นอยู่ที่ดีต้องอาศัยปัจจัยที่ดีรอบด้าน รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับสังคม และคนรอบข้าง ชีวิตที่มีความเป็นอยู่ที่ดีจึงไม่อาจมองข้ามมิติทางสังคม และความสัมพันธ์ที่เรามีกับผู้คนที่อยู่รอบตัว ความสัมพันธ์นี้มีผลต่อเราในทุกด้านของชีวิตนับตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูช่วยให้ทารกเรียนรู้ที่จะไว้ใจ โต้ตอบ และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ในชีวิตประจำวันของเราก็ยังต้องอาศัยการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และผู้คนรอบข้าง สุขภาวะทางสังคมที่ดีจะช่วยสร้างเครือข่ายที่คอยสนับสนุน เกื้อกูล และนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจได้
สุขภาวะทางสังคมคืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร?
สุขภาวะทางสังคม (Social Wellness) หมายถึง ความสัมพันธ์ที่เรามีและปฏิสัมพันธ์ของเราต่อคนรอบข้าง สุขภาวะทางสังคมที่ดีจะเกิดขึ้นได้จากการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ผูกพันแน่นแฟ้น จริงใจ เคารพ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยเกื้อหนุน ประคับประคองเราในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สุขภาวะทางสังคมจึงเกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจ ให้ความอิ่มเอมใจ ไม่บั่นทอนกำลัง และจริงใจต่อกัน สุขภาวะทางสังคมที่ดีจึงจำเป็นต้องอาศัยความใส่ใจในการรักษาสมดุลระหว่างสังคมเพื่อนฝูง สังคมการทำงาน การเรียน และครอบครัว รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีของคู่รัก หรือคู่สมรส
ดังนั้นสุขภาวะทางสังคมจึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เรามีเครือข่ายทางสังคมที่จะคอยสนับสนุน สร้างความอุ่นใจ ให้ความรู้สึกปลอดภัยจากภายใน และสบายใจที่จะเป็นตัวเอง ทำให้เรากล้าที่จะแสดงออกอย่างจริงใจ การอยู่ท่ามกลางผู้คนที่คอยเสริมพลังบวกจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และความภาคภูมิใจในตนเอง
การมีสุขภาวะทางสังคมจะช่วยให้เรารู้จักสร้างขอบเขตโดยที่ไม่ปิดกั้นตนเองจากคนรอบข้าง แต่จะส่งเสริมให้เกิดการพูดคุย ให้เกิดความไว้วางใจ และจัดการความขัดแย้งด้วยการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ยิ่งไปกว่านั้น การมีสุขภาวะทางสังคมที่ดียังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับความรู้สึกผิดหวัง จัดการกับปัญหา และลุกขึ้นใหม่ได้เมื่อเกิดความผิดหวังหรือล้มเหลว จากเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้การมีสุขภาวะทางสังคมที่ดีนั้นจะช่วยส่งเสริมสุขภาพทั้งทางด้านจิตใจ และนำไปสู่การมีสุขภาวะทางกายที่ดีและนำไปสู่การมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีความสุข
สุขภาวะทางสังคมที่ดีควรเป็นอย่างไร?
การมีสุขภาวะทางสังคมที่ดีควรมีลักษณะที่สำคัญดังต่อไปนี้
- มีเครือข่ายทางสังคมที่คอยสนับสนุน ทั้งจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
- สามารถรักษามิตรภาพ ความรักความผูกพัน และเครือข่ายทางสังคมได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน
- รู้จักสร้างสมดุลระหว่างเวลาในการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงและสังคม กับเวลาส่วนตัว
- กล้าที่จะแสดงออกและมั่นคงในจุดยืนของตนเองอย่างสันติ
- สามารถคงความเป็นตัวของตัวเองได้ในทุกสถานการณ์
- มีส่วนร่วมกับผู้คนในชุมชน และสังคมรอบข้าง
- เห็นคุณค่าของความหลากหลายและปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างให้เกียรติ เข้าใจและยอมรับความแตกต่างในสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านรสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ศาสนา สถานะทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือความแตกต่างด้านความเห็นส่วนตัวต่าง ๆ
- สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีขอบเขต แต่ไม่ปิดกั้นการสื่อสาร ส่งเสริมความไว้วางใจ และจัดการความขัดแย้งได้อย่างเข้าใจกัน
- ไม่ลืมที่จะเล่น ใส่ความสนุกและอารมณ์ขันให้กับชีวิตบ้าง
สุขภาวะทางสังคมสร้างได้อย่างไร?
เราสามารถพัฒนาทักษะทางสังคมในหลาย ๆ ด้านเพื่อส่งเสริมการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว เราอาจจะเริ่มต้นง่าย ๆ จากเป็นการเป็นผู้ฟังที่ดี ฝึกเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วลองทำตามเคล็ดลับในการสร้างสุขภาวะทางสังคม ดังต่อไปนี้
- ไตร่ตรองกับตัวเองถึงสิ่งที่เราให้และคาดหวังจากสังคม ความสัมพันธ์ที่เรามีกับคนรอบข้าง ความสัมพันธ์อันใดบ้างที่เราพึงพอใจแล้วและอันใดที่ยังต้องพัฒนาเพิ่มเติม
- สังเกตว่าใครบ้างมีอิทธิผลที่ดีต่อเรา ใครบ้างที่สนับสนุนและสามารถดึงศักยภาพด้านดี ๆ ของเราออกมา
- พยายามติดต่อทักทายเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง และลูกหลาน เพื่อรักษาปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
- พูดชมด้านดี ๆ ของลูกหลานให้เขารับรู้ มีเวลาเล่นด้วยกัน และอย่าลืมให้กำลังใจไปพร้อมกับคำแนะนำดี ๆ
- ฝึกทักษะการฟังอย่างมีส่วนร่วม
- ลองกล้าที่จะเล่าความรู้สึก ความในใจของเรากับคนที่ไว้ใจ
- ใส่ใจดูแลคนใกล้ชิดโดยไม่ลืมที่จะดูแลตนเอง
- กล้าที่จะขอความช่วยเหลือ ทำงานเป็นทีม ไม่แบกรับภาระหนักไว้คนเดียว
- ลองสมัครเข้าร่วมชมรม คลาสเรียนรู้กิจกรรมใหม่ ๆ กลุ่มออกกำลังกาย หรือทำงานอาสาสมัครในด้านที่เราสนใจ
สรุป
การได้อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่เรารู้สึกได้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่ง เราเป็นพวกเดียวกัน เราไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว แต่มีเพื่อนพ้อง และคนรอบข้างที่ห่วงใย คอยช่วยเหลือซึ่งและกัน สนับสนุนจิตใจ คอยรับฟัง และอยู่เคียงข้างเราในวันที่ประสบปัญหา ให้เรามีแรงที่จะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง การได้อยู่ในสังคมเช่นนี้ย่อมช่วยให้เสริมพลังทั้งทางกายและทางใจ สุขภาวะทางสังคมจึงเป็นอีกมิติที่ไม่อาจมองข้าม เพราะปัจจัยสุขภาวะด้านสังคมจะส่งเสริมการมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี และนำไปสู่การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและยืนยาวอย่างมีความสุข
สุขภาพกาย จิตใจ สมองที่แข็งแรง คือของขวัญของที่ดีที่สุดสำหรับวัย 50+ ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest พร้อมดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร
ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้คนมีอายุยืนยาวขึ้น และของขวัญที่ล้ำค่าของคนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น คือ การมีสุขภาพที่แข็งแรง ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีความหมาย ปราศจากความกังวล และทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลกจากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ ให้คุณได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพและชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree
โทร. 1265
LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde
ข้อมูลอ้างอิง