ลงทะเบียน
CHAT
WITH US

“Wellness” คำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่นิยามจริง ๆ คืออะไร? หาคำตอบที่นี่เลย!

“Wellness” คำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่นิยามจริง ๆ คืออะไร? หาคำตอบที่นี่เลย!

“Wellness” เป็นคำที่มีการใช้กันมากขึ้นในช่วง 10-15 ปีหลังมานี้ เราอาจพบคำ ๆ นี้ตามโรงพยาบาล หรือองค์กร และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ โดยทั่วไปเรามักเข้าใจกันว่า “wellness” เป็นคำที่ให้ความหมายว่าสุขภาพดี แต่จริง ๆ แล้วคำนี้มีความหมายกว้างกว่าคำว่า “สุขภาพดี” และปัจจุบันทั่วโลกก็ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบ wellness มากขึ้น เพราะเป็นการดูแลที่ไม่ใช่แค่มิติด้านสุขภาพ แต่รวมไปถึงมิติของจิตใจ สิ่งแวดล้อม สังคม รวมไปถึง เศรษฐฐานะ (หรือเศรษฐกิจเชิงสังคม) อีกด้วย

“Wellness” คืออะไร? เรามาทำความรู้จักเทรนด์สุขภาพแบบ wellness กันดีกว่า

Global Wellness Institute ให้นิยามว่าการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) คือ การหากิจกรรมทางเลือก และรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyles) ที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค และปรับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไป เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี เพราะ wellness ไม่ใช่แค่เรื่องการมีสุขภาพที่ดี แต่ยังมีอีกหลายมิติทั้งในด้านของกายภาพ จิตใจ การเข้าสังคม รวมถึงพัฒนาการด้านสติปัญญา

หากเราสรุปความหมายสั้น ๆ ของคำว่า wellness เราอาจแปลความหมายของคำ ๆ นี้ได้ว่า “ความเป็นอยู่ที่ดี” ซึ่งหมายถึงหลาย ๆ มิติ คือ ด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม ปัญญา จิตวิญญาณ การทำงาน การเงิน และสิ่งแวดล้อม โดยแต่ละมิติมีความสำคัญเท่า ๆ กัน และมีความเชื่อมโยงซึ่งกันละกัน

ในประเทศไทยพบว่า 77% ของการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการกิน ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งอาจมีใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ มาช่วยเพิ่มประสิทธิการดูแลสุขภาพด้านร่างกายให้ดีขึ้น รักษาสภาวะจิตใจ และอารมณ์ให้ปกติ สร้างสิ่งแวดล้อม และสังคมที่ดี มีความพึงพอใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง ซึ่งหากเราสามารถสร้างสุขภาวะแบบ wellness ได้ เราก็จะมีสุขภาพดีในทุก ๆ มิติ ซึ่งมีผลดีต่อการลดการเกิดโรคภัยต่าง ๆ ภาวะอารมณ์และจิตใจดีขึ้น ลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าการดูแลสุขภาพในเชิง wellness สามารถช่วยป้องกันโรคได้ และในบางกรณี สามารถหยุดอาการเรื้อรังของโรคไม่ติดต่อบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน

ความเป็นอยู่ที่ดี (wellness) มีความสำคัญอย่างไร?

ความเป็นอยู่ที่ดีทำให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม ดังนั้นหากเราดูแลสุขภาพ เพื่อเป้าหมายให้ไปถึงการมีสุขภาวะที่ดีแบบ wellness แล้ว เราก็จะลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ รวมไปถึงมีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุขกับการใช้ชีวิต ซึ่งถึงส่งผลดีต่อคนรอบข้าง และสังคม

นอกจากนี้การส่งเสริมสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีเป็นหนึ่งใน 17 เป้าหมายระดับโลก ที่ประกอบกันเป็นวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายในปี 2030 โดยสหประชาชาติ (United Nations) กำหนดให้สร้างหลักประกันให้คนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งการดูแลให้มีสุขภาพแข็งแรงส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป็นเป้าหมายใหม่เพื่อให้ทั่วโลกร่วมกันส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี มีมาตรการป้องกัน และการดูแลสุขภาพที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสำหรับทุกคน ซึ่งเมื่อเรามีสุขภาพที่ดีจะส่งผลต่อไปยังคนรอบข้าง ครอบครัว ชุมชน สังคม เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ประเทศ และโลกของเราในภาพรวม

ความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness) ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

การดูแลสุขภาพแบบ wellness มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษา ซึ่งแตกต่างจากการแพทย์ดั้งเดิมที่เน้นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเป็นครั้งคราว หรือการบำบัดเพื่อฟื้นฟูสุขภาพให้หายจากอาการเจ็บป่วย หากเราดูแลสุขภาพแบบ wellness เราจะสามารถป้องกัน และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงครอบคลุมถึงการรักษาวิถีชีวิตให้เหมาะสม ดำเนินชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและมีความสุข ก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน

Wellness หรือความเป็นอยู่ที่ดีครอบคลุมหลายมิติ ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน และต้องได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งประกอบไปด้วย

สุขภาวะทางอารมณ์ (emotional wellness)

หลายคนคงเคยได้ยินประโยคยอดฮิตที่ว่า ถ้าสภาพจิตใจไม่ดีจะส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งถ้าเรารู้จักที่จะจัดการความรู้สึก ความคิดที่เปลี่ยนแปลงไป และมีความพึงพอใจในการใช้ชีวิต ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล รวมไปถึงการสามารถควบคุมสภาวะอารมณ์เหล่านี้ได้ การรับรู้ ยอมรับ เข้าใจความรู้สึกตนเอง และผู้อื่นจะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพจิตที่ดี

สุขภาวะทางกาย (physical wellness)

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ซึ่งการมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เกิดจากการรู้จักร่างกายของเราและค่อย ๆ สร้างสุขนิสัยที่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร โภชนาการ หรือ การออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ยิ่งหากทำให้เป็นส่วนนึงของกิจวัตรประจำวันจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพ และร่างกายที่ดีในระยะยาว

สุขภาวะทางสังคม (social wellness)

ส่วนมิติทางสังคมจะครอบคลุมทุกแง่มุมของความสัมพันธ์ทางสังคมปฏิสัมพันธ์ต่อบุคคลอื่น การรักษาความสัมพันธ์ที่ดี การมีความสุขกับการอยู่กับผู้อื่น สร้างมิตรภาพ และการสานสัมพันธ์กับคนในสังคมด้วยความคิดเชิงบวก ล้วนแล้วแต่จะสร้างบรรยากาศที่ดีในการใช้ชีวิต ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพจิตของเรา

สุขภาวะทางสติปัญญา (cognitive wellness)

สุขภาวะทางสติปัญญาเป็นสุขภาวะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสมอง ความรู้คิด ความสามารถในการเรียนรู้ การแก้ปัญหา ความสามารถด้านสติปัญญา ความอยากรู้อยากเห็นพัฒนาความรู้ และให้คุณค่ากับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ความสามารถด้านสติปัญญาที่ดีจะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนสุขนิสัยเชิงลบให้เป็นสุขนิสัยเชิงบวก

การสร้างวิถีความเป็นอยู่ที่ดี (wellness) ทำได้อย่างไรบ้าง?

ในยุคที่คนหันมาให้ความสนใจเรื่อง Health & Wellness มากขึ้น แน่นอนว่าองค์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก การหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือตามสื่อต่าง ๆ หรือการศึกษาข้อมูลจากองค์กรที่น่าเชื่อถือหรือจากสถาบันทางการแพทย์ จึงอาจเป็นทางเลือกในการหาข้อมูลเพิ่มเติม และเมื่อเราได้ทราบถึงความหมาย มีความเข้าใจ และทราบถึงความสำคัญของ “wellness” หรือ “การเป็นอยู่ที่ดี” เราจึงสามารถที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามแนวทางของ wellness เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สมอง และนำไปสู่การมีสุขภาพดีแบบองค์รวมอย่างยั่งยืน

สุขภาพดีแบบองค์รวม (wellness) เริ่มได้ทุกเวลา ที่ The Aspen Tree The Forestias Operated by Baycrest พร้อมดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร

วัยอิสระไม่ควรใช้ชีวิตบนความเครียด ความกังวล คุณควรได้มีอิสระในการคิด การใช้ชีวิต และมีความสุขในทุก ๆ วัน ซึ่งแน่นอนว่าสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม (wellness) ก็เป็นพื้นฐานของความสุขที่จะเกิดขึ้น ที่ The Aspen Tree The Forestias ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก และเราตั้งใจจะสร้างทุก ๆ ช่วงเวลาที่ดีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของคุณอยู่เสมอ

ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้คนมีอายุยืนยาวขึ้น และของขวัญที่ล้ำค่าของคนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น คือ การมีสุขภาพที่แข็งแรงแบบยั่งยืน ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีความหมาย ปราศจากความกังวล และทั้งหมดนี้ คือ แนวคิดที่ The Aspen Tree The Forestias ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาร่วมกับผู้นำด้านการวิจัย และดูแลสุขภาพผู้สูงวัยระดับโลก จากประเทศแคนาดาอย่าง Baycrest ในการเติมเต็มทุกความต้องการ ให้คุณได้อยู่ในสังคมหลากหลายวัยในโครงการ The Forestias พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจร (Holistic Lifetime Care) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ผสานกับโปรแกรม Health & Wellness ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัยอิสระ อาทิเช่น โยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นดนตรี นั่งสมาธิ กิจกรรมกลางแจ้ง ธาราบำบัด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสมองของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ

พื้นที่โครงการ The Aspen Tree The Forestias ยังมี Health & Brain Center ที่คอยให้บริการด้านสุขภาพ และชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณอุ่นใจ และมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม

ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงเวลาอิสระของชีวิต ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปด้วยกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://mqdc.com/aspentree

โทร. 1265

LINE OA : @TheAspenTree หรือ คลิก https://mqdc.link/3Emhkde

PUBLISHED : 1 ปีที่แล้ว

facebook twitter line

RELATE ARTICLES

MQDC
การยืนยัน